31.5 C
Bangkok
Saturday, December 14, 2024
รถ​ Mitsubishi
163732
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

A5 เทรดในตลาดหลักทรัพย์ MAI 7 มี.ค.นี้ โชว์กำไรปี’64 โกย 135.67 ล้านบาท ลุยเปิด 3 โครงการใหม่

A5” เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 7 มีนาคมนี้ หลังได้รับไฟเขียวจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูผลงานปี 64
ทำกำไรสุทธิ 135.67 ล้านบาท เติบโต 129% จากปีก่อน ตั้งเป้าหมายยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ 1,000 ล้านบาท เติบโต 20% เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ในกรุงเทพฯ และอุดรธานี มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท ชูจุดเด่นเป็นดีเวลอปเปอร์ที่สร้างความแตกต่าง ด้วยการพัฒนาโครงการที่ไม่เหมือนใคร

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นั้น ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยหุ้น A5 จะเริ่มเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ บริษัทฯได้วางเป้าหมายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งในตลาดนิชมาร์เก็ต และเป็นดีเวลอปเปอร์ที่สร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด ด้วยการพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันที่ไม่เหมือนใครและเป็นทางเลือกใหม่แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ มั่นใจว่าด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ที่มีความคล่องตัวสูงและโอกาสขยายการลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ต่างๆได้อีกมาก จึงทำให้ A5 เป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตที่ดีในระยะยาว

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานบริษัทฯ ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนจากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 135.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 59.19 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ (รายได้รวม) 855.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 826.9 ล้านบาท

การเติบโตในปีที่ผ่านมามาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนจากผลกระทบของ COVID-19 โดยเฉพาะโครงการ ‘วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์’ บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ บนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เป็นหนึ่งในโครงการแฟลกชิพของบริษัทฯ ที่พัฒนาเป็นบ้านหรู 3 ชั้น โครงการแรกๆ ในทำเลดังกล่าว ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ปีที่ผ่านมากว่า 560 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดขายบ้านเฟสสุดท้าย เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 492  ตารางเมตร พร้อมลิฟต์และที่จอดรถ 4 คัน โดยมีบ้านพร้อมโอนอีก 16 ยูนิต มูลค่าขายรวม 560 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการขายที่ดินในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พฤษภาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 กล่าวต่อว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบจะมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง หากเป็นโครงการที่มีคุณภาพ มีการออกแบบบ้านและฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายและตั้งอยู่ในทำเลเดินทางสะดวก โดยเฉพาะเซ็กเมนต์บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ซึ่งแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ  บริษัทฯ จึงวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท ในจำนวนนี้จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ 1 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท และอุดรธานี 2 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ระดับราคา 2.59 – 4 ล้านบาท  

ขณะที่เป้าหมายในปีนี้ ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ (รายได้รวม) 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 20% โดยแบ่งสัดส่วนรายได้จากโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 80% เช่น โครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ เฟสสุดท้าย และโครงการใหม่ที่เปิดปลายปีนี้  อีก 20% จะมาจากโครงการในต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการรชยา จังหวัดอุดรธานี ทั้ง 2 โครงการ

“เราวางเป้าหมายเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในปีนี้ จากแผนเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบ  3 โครงการ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ ที่จะเป็นโปรเจ็กต์ไฮไลต์อีกหนึ่งในโครงการของปีนี้ เน้นจับตลาดนิชมาร์เก็ตในเซ็กเมนต์ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ซึ่งเรามองว่ายังมีช่องว่าง ส่วนการเปิดโครงการใหม่ในอุดรธานี เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้าค่อนข้างมีคุณภาพ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาแบบบ้านรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการผ่อนปรนมาตรการ LTV เป็นการชั่วคราว มาตรการลดหย่อนค่าธรรมการโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะส่งผลดีต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย” นายศุภโชค กล่าว

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles