ตลาดรถยนต์กันยายน 2565 เติบโต 15.6% ด้วยปริมาณการขายทั้งสิ้น 74,150 คัน ส่งผลให้ยอดขายสะสมปิดไตรมาส 3 มีปริมาณที่ 633,687 คัน หรือเติบโต 19.1% มั่นใจภาพรวมยอดขายรถยนต์ช่วงเดือนพฤศจอกายนและเดือนธันวาคม 2565 กิจกรรมทางเศรษฐกิจตื่นตัวต้อนรับ Hi-Season และการจัดงาน Motor Expo 2022
นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกันยายน 2565 มีตัวเลขการขายรวมทั้งสิ้น 74,150 คัน เพิ่มขึ้น 15.6% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,074 คัน ลดลง 8.6% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 51,076 คัน เพิ่มขึ้น 31.4% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 41,396 คัน เพิ่มขึ้น 31.4% ปิดไตรมาสที่ 3 ด้วยยอดขาย 633,687 คัน เติบโต 19.1%
นายสุรศักดิ์ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนว่า “ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน 2565 มีปริมาณการขาย 74,150 คัน เพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลข 23,074 คัน เป็นผลมาจากการชะลอตัวของตลาดในช่วงฤดูฝน ซึ่งลูกค้ามีความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเกิดขึ้นทั่วไป ส่งผลให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อ ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเจริญเติบโต 31.4% และตัวเลขการขาย 51,076 คัน สะท้อนให้เห็นถึงการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การขาดแคลนชิพในการผลิตยังคงเป็นปัญหาสำคัญ”
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อถึงแนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2565 ว่า “ตลาดรถยนต์กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วง Hi-Season ในไตรมาสสุดท้าย โดยปิดตัวเลขการขายไตรมาสที่ 3 ด้วยตัวเลข 633,687 คัน มากกว่าสถิติการขายในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 19.1% และมีแนวโน้มเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่กำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์ โควิด-19 และยังเป็นช่วงฤดูการขาย Hi-Season ของสินค้าทุกประเภท ประกอบกับการทุ่มแคมเปญ และกิจกรรมการตลาดในพื้นที่ของรถยนต์ทุกยี่ห้อ ก่อนไปจะปิดตัวเลขการขายประจำปีในงาน MOTOR EXPO ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม 2565”
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกันยายน 2565
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 74,150 คัน เพิ่มขึ้น 15.6%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 22,954 คัน เพิ่มขึ้น 14.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
- อันดับที่ 2 อีซูซุ 21,598 คัน เพิ่มขึ้น 58.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.1%
- อันดับที่ 3 ฮอนด้า 6,793 คัน เพิ่มขึ้น 7.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
- ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 23,074 คัน ลดลง 8.6%
- อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,382 คัน เพิ่มขึ้น 41.0% ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
- อันดับที่ 2 ฮอนด้า 5,961 คัน เพิ่มขึ้น 1.9% ส่วนแบ่งตลาด 25.8%
- อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,793 คัน เพิ่มขึ้น 26.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
- ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 51,076 คัน เพิ่มขึ้น 31.4%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 21,598 คัน เพิ่มขึ้น 58.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%
- อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,572 คัน เพิ่มขึ้น 5.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.5%
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,007 คัน เพิ่มขึ้น 138.3% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%
- ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 41,396 คัน เพิ่มขึ้น 37.2%- อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,226 คัน เพิ่มขึ้น 65.1% ส่วนแบ่งตลาด 48.9%
- อันดับที่ 2 โตโยต้า13,234 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% ส่วนแบ่งตลาด 32.0%
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 5,007 คัน เพิ่มขึ้ 138.3% ส่วนแบ่งตลาด 12.1%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 6,647 คัน
โตโยต้า 2,844 คัน-อีซูซุ 1,769 คัน-ฟอร์ด 1,407 คัน มิตซูบิชิ 506 คัน-นิสสัน 121 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 34,749 คัน เพิ่มขึ้น 28.1%
- อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,457 คัน เพิ่มขึ้น 61.2% ส่วนแบ่งตลาด 53.1%
- อันดับที่ 2 โตโยต้า10,390 คัน ลดลง 5.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.9%
- อันดับที่ 3 ฟอร์ด 3,600 คัน เพิ่มขึ้น 103.2% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%