26.1 C
Bangkok
Sunday, December 15, 2024
รถ​ Mitsubishi
163732
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

ทุนธนชาต เผยไตรมาส 2 กำไร 1,772 ล้าน โต 71%

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2565 กำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,122 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,772 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 71.04% จากไตรมาสก่อน และผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2565 กำไรสุทธิ ปรับเพิ่มขึ้น 28.51% จากงวดเดียวกันปีก่อน เป็นผลมากจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP กล่าวว่า “ในไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 2,122 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.04 จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 3,512 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 2,808  ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.51 จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทร่วมที่ TCAP เข้าไปลงทุนทั้ง ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) และเอ็มบีเค (MBK) ต่างมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ สำหรับบริษัทย่อยนั้น ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.13 จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการขยายตัวได้เป็นอย่างดีของสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านธนชาตประกันภัย (TNI) มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.11 จากไตรมาสก่อน และมีเบี้ยประกันภัยรับในช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ในส่วนของ เอ็มบีเค ไลฟ์ ประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ที ไลฟ์ ประกันชีวิต (T Life) มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.96 จากไตรมาสก่อน ซึ่งเกิดจากการโอนกลับสำรองประกันชีวิตตามวิธี GPV จาก Zero Coupon Yield Curve ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ T Life ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ธนชาตพลัส (T-Plus) มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 3,600 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมียอดสินเชื่อคงค้างสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาทได้

ขณะที่ NPL ยังคงเป็นศูนย์ จากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม จากภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงทั้งในเชิงปริมาณและความผันผวนของราคา ส่งผลให้ หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 39.20 จากไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่ากำไรจะปรับตัวลดลงบ้างตามภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ TNS มีการเติบโตของรายได้อื่นที่ไม่ใช่รายได้ค่านายหน้าได้เป็นอย่างดี เช่น รายได้ค่าธรรมเนียมการให้บริการเกี่ยวกับแผนจัดสรรการลงทุน (ZEAL) และรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และยังมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ภาวะเศรษฐกิจอาจจะถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ตามราคาพลังงาน ราคาวัตถุดิบ และราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้น ตลอดจนการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยนโยบาย แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของทุกภาคส่วน จะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมให้ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมและบริษัทย่อยสามารถเติบโตได้ต่อไป

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles