26.9 C
Bangkok
Saturday, December 14, 2024
รถ​ Mitsubishi
163732
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

รถแข่งปอร์เช่ 99X Electric พร้อมสู้ศึก Formula E ครั้งแรกในอินโดนีเซีย

สตุ๊ทการ์ท. จากสนามแข่งใจกลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสนามที่เพิ่งได้รับการปักหมุดในปฏิทินการแข่งขันของ Formula E ในรายการ Jakarta E-Prix โดยจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2022 และนับเป็นครั้งแรกสำหรับประเทศอินโดนีเซียที่ได้รับหน้าที่ในการเป็นเจ้าภาพของการแข่งขัน ABB FIA Formula E World Championship ในครั้งนี้ โดยมีสองนักแข่งที่ได้รับการมอบหมายให้นั่งประจำการหลังพวงมาลัยรถแข่งปอร์เช่ 99X Electric คือ André Lotterer นักแข่งจากประเทศเยอรมนี ที่ลงสนามด้วยรถแข่งหมายเลข 36 ซึ่งเป็นผู้ที่ทำผลงานและทำคะแนนสะสมมาจาก 2 สนามในกรุงเบอร์ลิน (Berlin) และนักแข่งอีกหนึ่งคนสำคัญคือ Pascal Wehrlein จากประเทศเยอรมนี ที่จะลงสนามด้วยรถแข่งหมายเลข 94

Florian Modlinger ผู้อำนวยการ Factory Motorsport Formula E กล่าวว่า สำหรับสงครามความเร็วบนสนาม Jakarta International E-Prix Circuit ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเริ่มต้นในครึ่งหลังของฤดูกาลแข่งขัน และทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่ได้รับการคาดหมายว่า จะมีโอกาสลุ้นแชมป์ปลายสุดสัปดาห์ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นสนามที่หนักหน่วงและมาพร้อมกับสภาพอากาศที่สุดขั้ว ซึ่งทีมงานจะต้องมุ่งมั่นตั้งใจกับการเก็บคะแนนสะสมเพื่อให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้

โดยหลังจากผ่านการแข่งขันไป 8 สนามจากทั้งหมด 16 สนามนั้น André Lotterer นักแข่งจาก จากประเทศเยอรมนี ทำคะแนนรั้งอยู่ที่อันดับ 7 ด้วยคะแนนสะสม 59 คะแนน ในประเภทนักแข่งของรายการ ABB FIA Formula E World Championship ส่วนด้าน Pascal Wehrlein ตามมาในอันดับ 8 ด้วยคะแนนสะสม 51 คะแนน และสำหรับการชิงแชมป์ประเภททีม TAG Heuer Porsche Formula E นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ 5 ของตารางด้วยคะแนนสะสม 110 คะแนน

ถาม-ตอบ เกี่ยวกับการแข่งขันรายการ Jakarta E-Prix

Florian Modlinger ผู้อำนวยการ Factory Motorsport Formula E

 E เดินทางมาถึงครึ่งหลังของฤดูกาลที่ 8 ใน Jakarta อะไรคือความน่าสนใจที่จะเกิดขึ้น และอะไรคือสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อ?

“ชัดเจนว่า ที่สุดของไฮท์ไลท์คือการจบอันดับที่ 1 และ 2 ได้อย่างน่าอัศจรรย์ที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) จากการทำผลงานในรอบจัดอันดับที่ยอดเยี่ยมของเรา ซึ่ง André Lotterer เป็นเพียงนักแข่งคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ในทุกสนาม และสร้างความแตกต่างจากทีมคู่แข่งได้อย่างเหนือชั้น ถือได้ว่าเรามีบุคลากรที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นยิ่งกว่าทีมแข่งอื่นๆ  และนับจากการแข่งขันที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) เป็นต้นมา การปฏิบัติงานของเรามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเรากำหนดวิธีการในการรับมือเพื่อการคว้าตำแหน่งบนโพเดี้ยมไม่ว่าจะเป็นที่เมือง Diriyah, Rome, Monaco หรือ Berlin ซึ่งเรามีจังหวะที่ขึ้นเป็นผู้นำในการแข่งขันที่เมือง Rome และ Monaco และสำหรับครึ่งหลังของฤดูกาลเราไม่ต้องการเพียงแค่ได้อยู่ในฐานะของการมีลุ้นตำแหน่งบนโพเดี้ยมเท่านั้น แต่เราต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ด้วยความสามารถและประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับคงเส้นคงวา”

ต้องอาศัยการเตรียมตัวมากขนาดไหนกับการลงแข่งในสนามแห่งใหม่อย่างที่ Jakarta?

“แน่นอนล่ะ มันมีความท้าทายมากกว่าเดิมเมื่อคุณต้องลงแข่งในสนามใหม่ ด้วยการสนับสนุนด้านข้อมูลที่ได้รับ เราจะเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดเท่าที่ศักยภาพของเรามี และยิ่งไปกว่านั้น เราจะพยายามคาดการณ์ล่วงหน้าถึงสิ่งที่เราจะต้องเผชิญบนสนามที่สร้างขึ้นใหม่ อาทิเช่น พื้นผิว asphalt ที่ราดใหม่จะตอบสนองต่อการขับอย่างไรภายใต้แสงแดดและอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ซึ่งเราจะสามารถตอบทุกข้อสงสัยนี้ได้ในระหว่างการเตรียมตัว”

André Lotterer นักแข่งสังกัดทีมโรงงาน ด้วยรถแข่งหมายเลข 36

คุณคือนักแข่งเพียงคนเดียวในฤดูกาลนี้ที่ผ่านเข้ารอบ knock-out qualifying ในทุกสนาม อะไรคือเบื้องหลังความแข็งแกร่งของคุณ และคุณรู้สึกอย่างไรกับสถิติดังกล่าว

“แน่นอนว่า ผมพอใจกับสถิติ ซึ่งหมายความว่าผมมีรถแข่งที่เร็ว มีประสิทธิภาพ และทีมงานวิศวกรของผมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยม หากไม่มีพวกเขา และทีมงานทุกภาคส่วน ผมคงไม่สามารถทำผลงานได้เช่นนี้ เรากำลังทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ระหว่างการเตรียมตัวอย่างเช่นการจำลองสถานการณ์ด้านประสิทธิภาพ รวมทั้งรวบรวมสิ่งที่เราได้เรียนรู้ และประยุกต์มาใช้จากรอบจัดอันดับทุกๆสนาม ผมรู้สึกดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ”

คุณจะสรุปภาพรวมของผลงานในครึ่งฤดูกาลแรกอย่างไร และคุณคาดหวังอะไรในการแข่งขันที่เหลืออยู่?

“จวบจนถึงปัจจุบัน การแข่งขันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า สิ่งแรก และสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการที่เรามีศักยภาพ และมีความสามารถในการเก็บคะแนนสะสมได้อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อทุกอย่างลงตัวในการแข่งสุดสัปดาห์ เฉกเช่นกับการแข่งแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก Mexico นั้น เราจะสามารถคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง สำหรับครึ่งฤดูกาลหลัง ซึ่งผมคาดหวังว่าเราจะนำเอาบทเรียนที่ได้รับจากการแข่งขันแบบที่กรุง Berlin มาสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ซึ่งเราจะต้องรักษาระดับการพัฒนาของเราเอาไว้หากต้องการช่วงชิงตำแหน่งแชมเปี้ยน”

Pascal Wehrlein นักแข่งสังกัดทีมโรงงานด้วยรถแข่งหมายเลข 94

นี่คือการแข่งขัน Formula E ครั้งแรกใน Jakarta คุณตื่นเต้นไหมกับสนามใหม่?

“มันยอดเยี่ยมเสมอกับประสบการณ์ที่ได้ในสนามแห่งใหม่ การลงสนามรอบแรกคือความน่าตื่นตาตื่นใจ ผมพบว่ามันตื่นเต้นที่ได้รับรู้ถึงการยึดเกาะบนสนาม และความสมดุลของรถแข่ง ผมเฝ้ารอที่จะได้เจอกับสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง”

คุณคว้าแชมป์แรกในรายการ Formula E มาให้ปอร์เช่ จากการแข่งขันที่ประเทศเม็กซิโก (Mexico) คุณพึงพอใจกับครึ่งฤดูกาลแรกของคุณหรือไม่?

“ผมมองย้อนไปพบเจอกับความรู้สึกที่หลากหลาย เราเอาชนะมาได้ที่ประเทศเม็กซิโก Mexico และต้องออกจากการแข่งขันที่ Monaco เราต้องเสริมสร้างศักยภาพของเราให้มีความสม่ำเสมอ ผมคิดว่าเราพลาดการเก็บคะแนนที่ควรจะได้ไปค่อนข้างเยอะในครึ่งแรกของฤดูกาล เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เรามีกระบวนการที่ดีแต่ไม่สม่ำเสมอในทุกสนาม ซึ่งต้องแก้ไขในเรื่องนี้”

เกี่ยวกับสนามแข่ง

สนาม Jakarta International E-Prix Circuit มีที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Ancol โดยมีอ่าว Jakarta ตั้งอยู่ด้านหลัง สนามแข่งแห่งนี้ไม่เหมือนกับ street circuit ทั่วไปที่สภาพเส้นทางส่วนใหญ่จะถูกโอบล้อมด้วยกำแพง แต่ที่นี่กลับมีความคล้ายคลึงกับสนามแข่งแบบถาวร ซึ่งสนามเฉพาะกิจแห่งนี้มีระยะทางเพียง 2.37 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางโค้ง 18 จุด ทางตรงผ่านเส้นสตาร์ท และเส้นชัย นับเป็นเส้นทางที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของการแข่งขัน Formula E นอกเหนือจากสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ทีมงาน และนักขับต้องเตรียมตัวรับมือกับอุณหภูมิที่สูงถึง 35 องศาเซลเซียส มีแนวโน้มที่ฝนจะตกอย่างรุนแรงในช่วงนี้ของปี ปริมาณเม็ดฝนที่หนาแน่น และพายุฟ้าคะนองคือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น  โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของวันซึ่งสามารถส่งผลกระทบกับการแข่งขัน

การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต

กำหนดการออกอากาศ การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ Formula E จากกรุง Jakarta สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์: https://www.fiaformulae.com/watch/ways-to-watch

รถแข่ง Porsche 99X Electric

การพัฒนารถแข่ง Porsche 99X Electric คือโอกาสที่ได้นำพาปอร์เช่หวนกลับมาปฎิบัติงานร่วมกับรถแข่งเปิดล้อที่นั่งเดี่ยวอีกครั้งเมื่อปี 2019 หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 30 ปี รถแข่งพลังงานไฟฟ้าที่ถือกำเนิดขึ้นจากศูนย์วิจัยพัฒนา Weissach ภายใต้ระบบการขับเคลื่อน และแพลตฟอร์มของสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีชื่อว่า Porsche E Performance ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน หัวใจหลักที่พบเจอได้ในรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่ นั่นคือระบบการบริหารจัดการพลังงานที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จในโครงการ Formula E และการพัฒนารถยนต์ในสายการผลิตปกติ สำหรับฤดูกาลแข่งขันในปี 2021/2022 นั้น รถแข่ง 99X Electric มาด้วยพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้า  (250 กิโลวัตต์) เมื่อทำงานใน qualification mode และ 295 แรงม้า (220 กิโลวัตต์) สำหรับ normal race mode ในส่วนของ Attack Mode สามารถเพิ่มพลังได้สูงสุด 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ระดับการชาร์จพลังงานกลับ recuperation สูงสุดที่ 250 กิโลวัตต์  ความจุแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อยู่ที่ 52 กิโลวัตต์ชั่วโมง

รถ safety car ปอร์เช่ ไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S)  

ปอร์เช่มีพันธกิจด้านความปลอดภัยร่วมกับ Formula E  โดยปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำสัญชาติเยอรมนี สนับสนุนรถพลังงานไฟฟ้าในสายการผลิตปกติ ซึ่งไทคานน์ เทอร์โบ เอส (Taycan Turbo S) ถือบทบาทเป็น official safety car ประจำฤดูกาลแข่งขันนี้ นับเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Formula E ที่มีต่อแผนกมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ ต้องยกประโยชน์ให้ในเรื่องของสมรรถนะของการขับขี่ และความปลอดภัย รวมทั้งพละกำลังสูงสุดกว่า 761 แรงม้า (560 กิโลวัตต์) ทำให้รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของปอร์เช่ คือตัวเลือกอันสมบูรณ์แบบสำหรับการทำหน้าที่เป็น safety car ในการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าชิงแชมป์โลกรายการแรก และรายการเดียว ด้วยระบบ Launch Control ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รุ่นเรือธง ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง งานสีตัวถังระดับสุดยอดที่มีเฉดสีครบถ้วนทั้ง 11 สีตามจำนวนทีมที่ลงแข่งใน Formula E พร้อมทั้งงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฟฟ้าสมรรถนะสูงแห่งอนาคต รวมทั้งคุณค่าที่ถ่ายทอดให้กับสังคม อาทิ ความแตกต่าง หลากหลาย รวมไปถึงความสัมพันธ์อันดีในสังคม

รายการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้า Formula E

Formula E คือทัวร์นาเมนต์การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้ารายการแรกของโลก ที่นำพาความตื่นเต้นเร้าใจของกีฬาความเร็วให้กับผู้ชมในเมืองใหญ่ๆทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา และเป็นรายการกีฬาความเร็วที่ส่งเสริมความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมยานยนต์ และเทคโนโลยีสะอาดเพื่อความยั่งยืน สร้างการรับรู้ ยอมรับ และการเข้าถึงรถพลังงานไฟฟ้าให้แก่สาธารณะชนทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหามลภาวะโลกร้อน สำหรับรูปแบบการแข่งขันไม่ซับซ้อน รวมไปถึงการซ้อม หรือรอบการจัดอันดับ และการแข่งขันจริง จะจบลงภายในวันเดียว ในแต่ละสนามแข่งขันจะใช้ระยะเวลามากกว่า 45 นาทีเท่านั้นในหนึ่งรอบสนาม สำหรับการแข่งขัน Formula E ฤดูกาล2021/2022 มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ส่งรถแข่งลงสนามเป็นจำนวน 11 ทีม และมีนักแข่งทั้งหมด 22 คน นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความน่าสนใจ และความร้อนแรงของรายการนี้ โดยทีมแข่ง TAG Heuer Porsche Formula E ส่งรถแข่ง Porsche 99X Electric เข้าร่วมประลองความเร็วเป็นฤดูกาลที่ 3

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles