MG Motor Europe เปิดตัว MG4 Electric ในตลาดรถยุโรปเป็นภูมิภาคแรก หลังจากเปิดตัว New NEV 4 โมเดลไปแล้วในตลาดยุโรป MG ZS EV, MG5, MG EHS และ MG MARVEL R โดย MG4 Electric มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard, Comfort และ Luxury เปิดราคาจำหน่ายในทวีปยุโรปเริ่มต้น 28,990€ (ยูโร) คิดเป็นเงินไทยจะตกประมาณ 1,660,000 บาท
MG4 Electric ขนาดมิติตัวรถกว้าง 1,836 มม. ยาว 4,287 มม.สูง 1,504 มม. บนความยาวฐานล้อ 2,705 มม. น้ำหนักตัวรถประมาณ 1,655 กิโลกรัม โดยใช้แพลตฟอร์ม New MSP-EV มาพัฒนา พร้อมปรับดีไซน์ให้ตัวโครงสร้างของสามารถปรับใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบ เรียกว่าพยายามจะให้ครอบคลุมในทุกเซ้กเม้นท์ ตั้งแต่ A จนถึง D Segment เป็นได้ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล แลรถยนต์เอนกประสงค์ (SUV) ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถจุ 363 ลิตร
ดีไซน์ภายนอกทรงสปอร์ตโฉบเฉี่ยว หลังคาลาดต่ำตามหลักอากาศพลศาสตร์ ผสานกับสปอยเลอร์หลังแบบ Dual-Wing ทำรูปลักษณ์มีความสปอร์ตล้ำสมัยดูปราดเปรียว กันชนหลังสีดำสอดรับกับดีไซน์ของชุดพาร์ทตกแต่งรอบคันขณะที่ไฟท้ายมีดีไซน์ “Y-Shape”
ห้องโดยสารมีดีไซน์ที่สวยเรียบง่ายออกแบบในสไตล์ Pure Design แบบทูโทน วัสดุตกแต่งส่วนใหญ่เน้นใช้สีดำเปียโนแบล็ค พวงมาลัย 2 ก้าน แบบมัลติฟังก์ชั่น ทรงหัวตัด ท้ายตัด มาพร้อมเซ็นเตอร์มาร์ค สีเทา-ดำ บริเวณวงพวงมาลัยด้านล่าง บริเวณคอนโซลเกียร์เรียบหรู ติดตั้งมาไวร์เลสชาร์จเจอร์
พวงมาลัยสามารถปรับน้ำหนักได้ 3 สเต็บคือ เบา, ปกติ และหนัก นอกจากนี้ MG4 Electric ยังมาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด Brake-By-Wire เบาะนั่งสีทูโทน ดำ-เทา ตัดขาว-ครีม ตกแต่งด้วยคิ้วแดงบริเวณพนักพิง จอมาตรวัดดีไซน์สปอร์ตขนาด 7 นิ้วทรงสี่เหลี่ยม ขณะที่จอกลางขนาด 10.25 นิ้วดีไซน์แบบ Floating Infotainment Screen รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Andriod Auto c]tมาพร้อม i-Smart เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด รวมถึงระบบกล่องมอบรอบคัน 360 องศา
ส่วนแบตเตอรี่มีให้เลือกใช้ 2 ขนาด เริ่มแบตเตอรี่ขนาด 51 kWh สำหรับรุ่น Standard Grade ส่วนแบตเตอรี่แบบลิเธียม เทอนารี่ ขนาดความจุ 64 kWh จะติดตั้งลงในรุ่นกลาง Comfor และ Luxury รุ่นท็อป ภายใต้สเปกชาร์จจาก 10-80% (แบตฯ 64 kWh) โดยชาร์จแบบ DC ใช้เวลาเพียง 35 นาที MG4 Electric รุ่น Standard Grade ชาร์จแบตฯ เต็ม สามารถวิ่งได้ไกลสุด 350 กม. รุ่น Comfort วิ่งได้ไกล 450 กม. และรุ่น Luxury วิ่งได้ไกล 435 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ขุมพลังขับเคลื่อนให้พละกำลังสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร 0-100 กม./ชม. โดยประมาณ 8 วินาที พร้อมโหมดขับขี่หรือ Driving Mode มีให้เลือก 4+1 Mode ได้แก่ SNOW, ECO, STANDARD, SPORT และ CUSTOM
ทั้งนี้ MG Motor Europe ได้กำหนดยุทธ์ในการทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2025 จะผลิตรถยนต์รุ่นใหม่กลุ่มนี้ อีก 10 รุ่น เพื่อเป็นการตอบรับกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตอย่าสงก้าวกระโดด และในอนาคตอันใกล้นี้ กำลังจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกต่อไป