30.1 C
Bangkok
Saturday, December 28, 2024
musubishi900x192px_2024
Honda_900x192px 2024
163732
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Mitsubishi_900x192px_2
previous arrow
next arrow

เอเอทีใส่ใจสิ่งแวดล้อม จับมือดับบลิวเอชเอต่อยอดทำโซลาร์ลอยน้ำ

ระยอง ประเทศไทย : ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) โรงงานร่วมทุนของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปกว่า 130 ประเทศทั่วโลก ร่วมกับ บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ลงนามในพิธีเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ขนาด 8 เมกะวัตต์ พื้นที่ติดตั้ง 60,000 ตารางเมตร บนบ่อน้ำดิบในนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่บริหารจัดการของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) โดยระบบโซลาร์ลอยน้ำนี้ เป็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ชนิดดับเบิ้ลกลาสบนทุ่นลอยน้ำที่ผลิตจากพลาสติกชนิด HDPE (High Density Polyethylene) ที่ ไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศใต้น้ำและสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ได้ภายในเดือนกันยายน 2567 และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นกว่า 5,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

 มร. เคนอิจิโร ซารุวาตาริ (ที่ 2 จากซ้าย)  ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (เอเอที) พร้อมด้วย นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ร่วมลงนามในพิธีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ขนาด 8 เมกะวัตต์ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ชนิดติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ ซึ่งมีพื้นติดตั้ง 60,000 ตารางเมตร บนบ่อน้ำดิบในนิคมอุตสาหกรรมอิสเทิร์น  ซีบอร์ด จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่บริหารจัดการของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) และคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ได้ภายในเดือนกันยายน 2567 ช่วยให้โรงงานเอเอทีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 5,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี 

การติดตั้งโซลารลอยน้ำครั้งนี้เป็นการผลักดันนโยบายรักษ์โลก ลดโลกร้อน และลดการเกิดภาวะเรือนกระจกของเอเอที ต่อยอดนโยบายการผลิตพลังงานใหม่เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัท RE 100 หรือ Renewable Energy 100% มุ่งผลิตและใช้พลังงานสะอาดทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล 100% ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2578

ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2564 โรงงานเอเอทีได้เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลส์ขนาด 5 เมกะวัตต์ ที่ติดตั้งบนหลังคาโรงงานกว่า 45,000 ตารางเมตร ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 92,568 ตัน ในระยะเวลา 25 ปี หรือ 3,949 ตันต่อปี และได้ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ เซลล์บนหลังคาเพิ่มเติมอีก  1 เมกะวัตต์ ในปี 2566 ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 887 ตันต่อปี และหากโครงการโซลาร์ลอยน้ำนี้แล้วเสร็จ จะส่งผลให้โรงงานเอเอที มีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 14 เมกะวัตต์

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles