ตลาดรถยนต์เมืองไทยประจำเดือนมีนาคม 2566 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 79,943 คัน ลดลง 0.2% ขณะที่ภาพรวมของตลาดเมื่อจบไตรมาสแรก 2566 มีปริมาณขายสะสม 217,073 คัน ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดการณ์ตลาดรถยนต์เดือนเมษายน นี้ มีแนวโน้มขยับตัวดีขึ้น จากการจัดกิจกรรม บางกอก อินเตอร์ เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เมื่อประหลาดเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงเกือบกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ไตรมาสแรกประจำปี พ.ศ.2566 ปิดการขายที่ 217,073 คัน ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของเดือนมีนาคมขาย 79,943 คัน ลดลง 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นตลาดรถยนต์นั่งด้วยยอดขาย 29,835 คัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 50,108 คัน ลดลง 12.8% โดยรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้มียอดขายจำนวน 36,066 คัน ลดลงเช่นกันที่ 22.2%
ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม 2566 มีปริมาณการขาย 79,943 คัน เติบโตลดลง 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมียอดขาย 29,835 คัน เติบโตเล็กน้อยที่ 0.2% ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีตัวเลขการขาย 50,108 คัน ลดลงที่ 12.8% เป็นผลมาจากการชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า หลังจากที่มียอดสั่งซื้อของลูกค้าเป็นจำนวนมากในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของตัวเลขการขายสะสมไตรมาสแรกสามารถทำตัวเลขสะสมทะลุ 2 แสนคันที่ 217,073 คัน แต่ยังน้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 6.1%
ตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายน 2566 มีแนวโน้มขยับตัวดีขึ้น โดยมียอดจองรถยนต์ของทุกค่ายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ที่มากถึง 42,871 คัน โดยเป็นการเปิดฤดูกาลขายประจำปีด้วยเงื่อนไขการขาย “แคมเปญมอเตอร์โชว์” ที่ทุกค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันเพื่อหวังกวาดยอดจองในช่วงนี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงก็คือลูกค้าที่ต่างเฝ้ารอ “ข้อเสนอพิเศษสุดแห่งปี” ตัวเลขยอดจองดังกล่าวจะทยอยส่งมอบถึงมือลูกค้า ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายนมีตัวเลขการขายที่ดีต่อเนื่องถึงเดือนพฤษภาคม
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2566
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 79,943 คัน ลดลง 8.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 25,713 คัน ลดลง 14.3% ส่วนแบ่งตลาด 32.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 17,133 คัน ลดลง 21.4% ส่วนแบ่งตลาด 21.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 10,185 คัน เพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.7%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 29,835 คัน เพิ่มขึ้น 0.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,953 คัน เพิ่มขึ้น 13.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,053 คัน ลดลง 15.3% ส่วนแบ่งตลาด 23.6%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,789 คัน เพิ่มขึ้น 0.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 50,108 คัน ลดลง 12.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,133 คัน ลดลง 21.4% ส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,760 คัน ลดลง 25.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 4,074 คัน เพิ่มขึ้น 46.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 36,066 คัน ลดลง 22.2%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 15,845 คัน ลดลง 22.0% ส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 13,103 คัน ลดลง 31.0% ส่วนแบ่งตลาด 36.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด4,074 คัน เพิ่มขึ้น 46.6% ส่วนแบ่งตลาด 11.3%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 6,444 คัน
โตโยต้า 2,342 คัน – อีซูซุ 2,322 คัน – ฟอร์ด 1,184 คัน – มิตซูบิชิ 465 คัน – นิสสัน 131 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณ4ขาย 29,622 คัน ลดลง 27.0%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 13,523 คัน ลดลง 26.4% ส่วนแบ่งตลาด 45.7%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,761 คัน ลดลง 34.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,890 คัน เพิ่มขึ้น 17.1% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%