ปตท. เผยผลวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 1-5 พ.ย.64 และแนวโน้ม 8-12 พ.ย.64 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 82.94 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -2.06 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 81.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -1.71 เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 81.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -1.57 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาลดลง -2.99 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 101.84 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง -1.52 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 94.83เหรียญสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลง โดยราคา NYMEX WTI และ Dubai ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ลงทุกเดือนๆ ละ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน จากระดับปัจจุบันที่ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน จะเริ่มปรับลดวงเงินในเดือน พ.ย. 64 และสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.65 ทั้งนี้ Fed ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Funds Rate) ที่ระดับ 0-0.25% จนกว่าระดับการจ้างงานในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นถึงระดับที่เหมาะสม

ล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payrolls) ในเดือน ต.ค. 64 เพิ่มขึ้น 219,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 531,000 ราย สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 138,000 ราย จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ปรับตัวลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.6% ต่ำสุดตั้งแต่เดือน มี.ค.63 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.7%
อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง หลังผลการประชุม 4 พ.ย.64 ของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ในเดือน ธ.ค.64 ที่ระดับ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเดือน คงเดิมจากข้อตกลงในเดือน ก.ค.64 ท่ามกลางแรงกดดันจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาทิ สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ที่เรียกร้องให้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันให้ทันกับการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันโลก

ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 80-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีโอกาสที่ ICE Brent จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ คือ 87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
กลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) มีมติเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ในเดือน ธ.ค. 64 ที่ระดับ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ต่อเดือน คงเดิมจากข้อตกลงในเดือน ก.ค.64 ท่ามกลางแรงกดดันจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาทิ สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ที่เรียกร้องให้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันให้ทันกับการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันโลก
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
สำนักวิเคราะห์ Energy Aspects ประเมินว่าสหรัฐฯ มีแนวโน้มระบายน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ซึ่งประธานาธิบดีมีอำนาจอนุมัติปริมาณ 30 ล้านบาร์เรล เพื่อบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพง หากราคาน้ำมันดิบ Brent สูงกว่าระดับ 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล