บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยรายได้รวม (Consolidate Revenue) ประจำไตรมาสที่ 3/2023 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2023 เพิ่มขึ้น 9.4% จาก 172.8 ล้านบาทเป็น 189 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3.2% จาก 19.1 ล้านบาท เป็น 19.7 ล้านบาท
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เปิดเผยว่าจากรายได้ 189 ล้านบาทในไตรมาส 3 แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจขนส่ง 162.3 ล้านบาท คิดเป็น 85.9% ของรายได้ทั้งหมด รายได้จากบริการขนส่ง 19.5 ล้านบาท (10.3%) และรายได้จากการขายเคมีภัณฑ์ 7.3 ล้านบาท (3.9%) ในขณะที่รายได้ทั้ง 3 ไตรมาสประจำปีนี้มีทั้งสิ้น 577.5 ล้านบาท ลดลง 13.7% เมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ไตรมาสของปีที่แล้ว
นางสาวมินตรา กล่าวว่าการเติบโตของรายได้ในไตรมาสที่ 3 นี้ เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะรายได้จากการขนส่งเกลือบริสุทธิ์ให้แก่ AGC Vinythai เป็นสารตั้งต้นของสายการผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จากบ่อเกลือที่จังหวัดนครราชสีมา ไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งรายได้รวมจากโครงการนี้มูลค่ากว่า 480 ล้านบาท ในระยะสัญญาเวลา 3 ปี อีกทั้งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา KIAT เริ่มให้บริการขนส่งกรมซัลฟิวริกเพิ่มเติมให้กับลูกค้ารายใหม่
“แม้ภาพรวมทางเศรษฐกิจยังมีความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พุ่งทะยานทะลุ 5% ภาวะสงครามทั้งรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเร่งกระตุ้นของรัฐบาล แต่เราก็ยังมีอัตราเติบโตเกือบ 10% ซึ่งเป็นผลจากการเร่งขยายงานบริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งด้วยระบบราง การให้บริการด้าน Freight Forwarder เป็นต้น ขณะที่บริการด้าน Fleet Safety Technology ภายใต้บริการของ Guardian ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าองค์กรใหญ่ ๆ เพิ่มขึ้น”
นางสาวมินตรา กล่าวเพิ่มเติมว่าการดำเนินการของ KIAT จะยังคงเน้นการขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มลูกค้าปัจจุบัน KIAT มีนโยบายที่จะขยายขีดความสามารถในการให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่าภาพรวมด้านรายได้ในปีนี้ น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะเศรฐกิจผันผวนจากทั้งภายในและต่างประเทศ
“เรายังมีความเชื่อมั่นว่า ธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง และยังเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงยังอยู่ในระดับที่แข็งแรง อีกทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ ยังคงทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการลงทุนใหม่ ๆ จากผู้ผลิตรถอีวีจากจีน ทำให้เรามั่นใจว่าความต้องการใช้บริการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นางสาวมินตรา กล่าว