ฮิโรชิมา, ประเทศญี่ปุ่น : วันนี้ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับแผนการพัฒนาธุรกิจ โดยเปิดเผยนโยบายเกี่ยวกับการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวี และจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นใหม่ที่กำลังกล่าวถึง ประกอบด้วย มาสด้า CX-50 ซึ่งจะทำการผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับรถยนต์อีกหลายรุ่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ (Large Product group1) รวมถึง มาสด้า CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 ซึ่งรถยนต์รุ่นต่างๆ เหล่านี้ มาสด้าได้มีการวางแผนเพื่อเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดในอีกสองปีข้างหน้า หรือ ในระหว่างปี 2565 ถึง 2566 โดยมาสด้ามุ่งหวังที่จะนำเสนอทางเลือกรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีให้กับลูกค้า และเป็นรถยนต์ที่ส่งมอบทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการรถเอสยูวีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
จากการใช้ประโยชน์ด้านทรัพย์สินทางเทคโนโลยีในการพัฒนาและการผลิตอย่างเต็มกำลัง เช่น เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ, Bundle Planning และรูปแบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น มาสด้าได้สะสมองค์ความรู้มาอย่างต่อเนื่อง ตามกลยุทธ์ แบบ Building Block2 จึงทำให้สามารถขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รถเอสยูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการลงทุนที่ต่ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจจะเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะกลางถึงระยะยาว
มาสด้า CX-50 เป็นอเนกประสงค์เอสยูวีที่มาสด้าเพิ่มเติมเข้ามาเป็นโมเดลหลักรุ่นใหม่ และจะทำการเปิดตัวเฉพาะในตลาดอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่รถเอสยูวีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประกอบกับความต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงในการขับขี่สไตล์ออฟโรด ซึ่งมาสด้า CX-50 เป็นรุ่นที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก (Small Product group3) เช่นเดียวกับมาสด้า3 และมาสด้า CX-30 โดยมาสด้าจะเริ่มทำการผลิตมาสด้า CX-50 ในเดือนมกราคม 2565 ณ โรงงานแห่งใหม่ โดยความร่วมมือกันระหว่างมาสด้ากับโตโยต้า หรือ โรงงานมาสด้า โตโยต้า แมนูแฟคเจอริ่ง สหรัฐอเมริกา (MTMUS) ณ เมืองฮัลต์สวิลล์ มลรัฐอลาบาม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (Large Products group) ประกอบด้วย มาสด้า CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90 จะมาพร้อมกับ 2 รูปแบบตัวถัง พร้อมกับการจัดวางแถวที่นั่ง 2 แบบ ได้แก่ แบบที่นั่ง 2 แถว และแบบที่นั่ง 3 แถว เนื่องจากรถอเนกประสงค์รุ่นเหล่านี้เป็นรถที่มีช่วงราคากว้างกว่า CX-50 หรือ CX-5 รุ่นปัจจุบัน
สำหรับในตลาดที่มีถนนค่อนข้างแคบและมีพื้นที่จอดรถขนาดเล็ก อาทิ ยุโรปและญี่ปุ่น มาสด้าจะทำการเปิดตัวแนะนำ CX-60 แบบที่นั่ง 2 แถว และ CX-80 แบบที่นั่ง 3 แถว ในขณะเดียวกัน CX-70 และ CX-90 จะถูกเปิดตัวในอเมริกาเหนือ และตลาดอื่นๆ ที่รถขนาดใหญ่ได้รับความนิยม ซึ่งรถทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมกับตัวถังขนาดใหญ่ โดย CX-70 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 2 แถว และ CX-90 จะเป็นรถที่นั่งแบบ 3 แถว ซึ่งรถในกลุ่มนี้จะเป็นรุ่นที่มาเสริมความหลากหลายของกลุ่มรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดกลางของมาสด้าในอนาคต
รถยนต์รุ่นที่อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ จะมาพร้อมกับทางเลือกที่หลากหลายของระบบส่งกำลังจากพลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อแผนงานด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของแต่ละประเทศ สำหรับตลาดยุโรป ที่ซึ่งมีระบบการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบนั้น จะมีการเปิดตัวแนะนำรุ่น ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบแถวเรียง ที่ทำงานผสานกับการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ นอกจากนี้ เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-X แบบ 6 สูบแถวเรียง เจเนอเรชั่นใหม่ และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล SKYACTIV-D แบบ 6 สูบแถวเรียง ก็จะถูกเปิดตัวแนะนำด้วยเช่นกัน โดยจะถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบมายด์ ไฮบริด ขนาด 48V เพื่อให้ได้สมรรถนะที่สูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ ตลาดที่มีความต้องการรถยนต์ที่สมรรถนะพลังแรงและได้รับความนิยมสูง มาสด้าจะเปิดตัวแนะนำ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ แบบ 6 สูบแถวเรียง และระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม และเนื่องจากในประเทศญี่ปุ่นรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ดีเซลนั้นได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ดังนั้น มาสด้าวางแผนจะเปิดตัวแนะนำทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D แบบ 6 สูบแถวเรียง ที่มาพร้อมกับระบบมายด์ ไฮบริด ขนาด 48V และรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ มาสด้าพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ของมาสด้า ซึ่งได้แก่รุ่น MX-30 รวมถึงการเปิดตัวแนะนำรุ่นที่รวมเอาเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ซึ่งใช้เครื่องยนต์โรตารีเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นอกจากนั้น มาสด้ายังจะเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์ม EV ประมาณปี 2568 และจากการเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นเหล่านี้ มาสด้าได้วางแผนเพื่อจะผลิตรถยนต์ที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในรถยนต์ทุกรุ่น ภายในปี 2573
ขณะเดียวกัน มาสด้า CX-5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2555 นั้น ผู้บริโภคจะได้เห็นการออกแบบที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มาสด้ายังจะเพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ด้วยการเปิดตัวแนะนำเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ล่าสุด และระบบเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์รถอเนกประสงค์เอสยูวี
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร มาสด้ามุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่สร้างความผูกพันอันแสนพิเศษกับลูกค้าในระยะยาว ด้วยการเติมเต็มชีวิตของพวกเขา ผ่านประสบการณ์การครอบครองรถยนต์ที่ส่งมอบความสุข ความสนุกในการขับขี่ อันเป็นแก่นแท้ของแบรนด์มาสด้า
หมายเหตุ:
1.CX-60, CX-70, CX-80 และ CX-90
2.กลยุทธ์เฉพาะของมาสด้าในการพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าอย่างมีประสิทธิภาพโดยการสร้างชุดเทคโนโลยีพื้นฐาน ดั่งเช่น “Block”
3.มาสด้า3, มาสด้า CX-30, มาสด้า MX-30 และ มาสด้า CX-50