27.1 C
Bangkok
Friday, November 15, 2024
รถ​ Mitsubishi
163732
previous arrow
next arrow

มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์ นวัตกรรมล้ำพลิกโฉมตลาดยางล้อเครื่องบิน

มิชลินเปิดตัวยางล้อเครื่องบิน ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยียางเรเดียลรุ่นใหม่สำหรับการบินเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลก ในงานมหกรรมแสดงสินค้าด้านอากาศยานระดับโลก ‘ปารีส แอร์ โชว์’ (Paris Air Show) ครั้งที่ 54  ยางล้อเครื่องบินรุ่นนี้มีน้ำหนักเบากว่ายางรุ่นก่อนหน้า 10-20% น้ำหนักที่ลดลงส่งผลให้ยางล้อมีศักยภาพรองรับการบินลงจอดได้หลายครั้งมากขึ้น (Landing Per Tread: LPT) ทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการขนส่งและการบำรุงรักษา โดยยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ มีอายุใช้งานยาวนานกว่ายางล้อประเภทเดียวกันรุ่นก่อนหน้า 15-20%

ยางล้อรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคขนส่งทางอากาศ น้ำหนักเป็นข้อจำกัดที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอากาศยานทุกรูปแบบ ทุกกิโลกรัมจึงมีความหมาย ไม่ว่าจะติดตั้งยาง ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ กับเครื่องบินแห่งอนาคตหรือเครื่องบินที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน น้ำหนักตัวเครื่องที่ลดลงจะส่งผลต่อการประหยัดเชื้อเพลิงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวอย่างเช่น เมื่อติดตั้งกับเครื่องบินลำตัวแคบ (Narrow-Body Aircraft) อาทิ ‘แอร์บัส เอ320’ (Airbus A320) หรือ ‘โบอิ้ง 737’ (Boeing 737) น้ำหนักซึ่งล้อหลัก (Main Gear) ต้องรองรับอาจลดลงได้ถึง 75 กิโลกรัม ขณะที่เมื่อติดตั้งกับเครื่องบินลำตัวกว้าง (Wide-Body Aircraft) อาทิ ‘แอร์บัส เอ350’ (Airbus A350) หรือ ‘โบอิ้ง 777’ (Boeing 777) น้ำหนักซึ่งล้อหลักต้องรองรับอาจลดลงได้ถึง 250 กิโลกรัม

ดังนั้น สำหรับฝูงบินที่ประกอบด้วยเครื่องบินที่มีพิสัยบินระยะไกล 40 ลำ น้ำหนักยางล้อที่ลดลงเพียงอย่างเดียวสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ทได้สูงถึง 900,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (กว่า 31 ล้านบาท) อีกทั้งยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 3,400 เมตริกตัน  สำหรับฝูงบินที่ประกอบด้วยเครื่องบินที่มีพิสัยบินระยะกลาง 100 ลำ จะสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ทได้สูงถึง 600,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (กว่า 21 ล้านบาท) โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 2,200 เมตริกตันภายในหนึ่งปี

มิชลินเริ่มออกแบบยางล้อเครื่องบิน ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ ด้วยการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ยางล้อ (Life Cycle Assessment) ตามมาตรฐานอย่างเต็มรูปแบบ ขั้นตอนนี้แสดงให้เห็นว่าน้ำหนักเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด (90-98%) โดยจะเกิดผลกระทบในระยะของการใช้งาน การที่เครื่องบินต้องแบกรับน้ำหนักยางล้อที่ระดับความสูงมากส่งผลให้ใช้พลังงานเชื้อเพลิงมากตามไปด้วย ยางล้อเครื่องบินของชุดล้อลงจอด (Landing Gear) อาจมีน้ำหนักได้ตั้งแต่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัมจนมากกว่า 2,000 กิโลกรัม การลดน้ำหนักยางล้อจึงถือเป็นเรื่องท้าทายประการสำคัญ

มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’: ยางล้อเครื่องบินที่เกิดจากการผสานนวัตกรรมล้ำหน้าหลายด้านเข้าด้วยกัน

‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ เป็นผลิตภัณฑ์ยางล้อเครื่องบินที่เกิดจากการผสานนวัตกรรมล้ำหน้าหลายด้านเข้าด้วยกัน ทั้งในเชิงสถาปัตยกรรมยางล้อ, วัสดุที่เลือกใช้ และขั้นตอนการผลิต

สถาปัตยกรรมหน้ายาง (Crown Architecture) และหน้าสัมผัสของดอกยางที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยยืดอายุการใช้งานยางล้อเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนหน้า

สมรรถนะยางล้อดังกล่าวเป็นผลมาจากการเลือกใช้วัสดุโครงยางที่มีความทนทานสูงเป็นพิเศษ รวมทั้งวัสดุไฮบริดจากเคเบิลและสิ่งทอรุ่นล่าสุด อีกทั้งการนำวัสดุที่มีความยั่งยืนมากขึ้นมาใช้ในการผลิตเพิ่มขึ้นยังสอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่มมิชลินที่มุ่งผลิตยางล้อจากวัสดุที่ยั่งยืน 100% ภายในปี 2593

นอกจากนี้ ในเชิงอุตสาหกรรม ยังมีการนำนวัตกรรมกระบวนการผลิตแบบใหม่มาใช้ในโรงงานของมิชลินที่เมืองบูร์ฌ (Bourges) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นโรงงานที่มุ่งตอบสนองกิจกรรมการดำเนินงานด้านการบินของกลุ่มมิชลินโดยเฉพาะ

ที่สำคัญ ยางล้อเครื่องบิน ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ ยังสามารถติดตั้งเพื่อใช้งานบนระบบเครือข่ายเชื่อมต่อ PresSense ซึ่งพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างมิชลินและ Safran บริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจในตลาดการขับเคลื่อนและอุปกรณ์อากาศยาน

ยางล้อที่เปิดตัวด้วยการติดตั้งกับเครื่องบินเจ็ทแห่งอนาคต Dassault Falcon 10X สะท้อนการรุกขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางล้อสำหรับการบินเชิงพาณิชย์ของมิชลิน

ยางล้อขนาดแรกที่เปิดตัวได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ติดตั้งกับเครื่องบินเจ็ทแห่งอนาคต Falcon 10X ของบริษัท Dassault Aviation โดยจะดำเนินการทดสอบใช้งานขณะทำการบินในช่วงหลายเดือนข้างหน้าตามตารางการบินที่กำหนดโดย Dassault Aviation

ยางล้อเครื่องบิน ‘มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์’ มีเป้าหมายในการทำตลาดเจาะกลุ่มการบินเชิงพาณิชย์ โดยยางล้อขนาดถัดไปจะพัฒนาขึ้นตามความต้องการของสายการบินและผู้ผลิตเครื่องบิน การพัฒนายางล้อขนาดใหม่จะใช้เวลา 2-3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของกระบวนการทดสอบเพื่อยืนยันว่าสินค้าเหมาะกับการใช้งานในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้อย่างปลอดภัย (Homologation) และกฎระเบียบเกี่ยวกับใบรับรอง

ยางล้อขนาดถัดไปอาจใช้ติดตั้งกับเครื่องบินรุ่นใหม่ หรือเครื่องบินที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันตามข้อตกลงเรื่องการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ (Retrofit Agreement) ภายใต้ความร่วมมือกับผู้ผลิตเครื่องบิน สายการบิน และหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านการบิน

อนึ่ง มิชลินมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี ในการให้บริการแก่อุตสาหกรรมการบินระดับภูมิภาคและอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ระดับโลก  โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางล้อทั้งแบบผ้าใบและแบบเรเดียล ตลอดจนยางในให้กับลูกค้าทั่วโลกสำหรับการนำไปใช้งานหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ สายการบินเชิงพาณิชย์และสายการบินในภูมิภาค, การบินทั่วไป และการบินทางทหาร 

ทั้งนี้ มิชลินเป็นพันธมิตรกับบริษัทและผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลก อาทิ Airbus (แอร์บัส), Boeing (โบอิ้ง), Bombardier (บอมบาร์ดิเอร์), Comac (โคแม็ค), Dassault (ดัซโซลท์), Embraer (เอ็มเบรเออร์), Gulfstream (กัลฟ์สตรีม), Hondajet (ฮอนด้าเจ็ท), Lockheed Martin (ล็อกฮีด มาร์ติน), Pilatus (ปิลาตุส) และ Textron  (เท็กซ์ตรอน)

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles