Haval Jolion (โจไลอ้อน) เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อปลายปี 2021 ถือเป็นสมาร์ทเอสยูวี 5 ที่นั่งที่ได้รับความนิยมอีกรุ่นหนึ่งของค่าย GWM ล่าสุด GWM ปรับแผนการตลาดเปิดตัว Haval Jolion Sport รุ่นย่อยใหม่มาเสริมทัพ ดีไซน์ด้านหน้าแบบใหม่ รวมถึงชิ้นส่วนหลายจุดทั้งภายนอกและภายในใช้เป็นสีดำ เพิ่มความโดดเด่น และดุดันมากขึ้น พร้อมหยุดขายรุ่น Tech และรุ่น Pro ออก แต่ยังคงรุ่นท็อป Ultra
สรุปแบบง่ายๆ Haval Jolion Sport ค่าตัวลดลงถูกลง 799,000 บาท แต่ไม่ลดสมรรถนะในการขับขี่ อัพลุ๊คให้ดูสปอร์ตทะทมัดทะแมงขึ้น มิติตัวรถ กว้าง 1,874 มม. ยาว 4,472 มม. สูง 1,626 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
มาดสปอร์ต
กระจังหน้าแบบใหม่ Black Symmetric สีดำเงา พร้อมโลโก้ HAVAL ใหม่ ไฟหน้าเต็มระบบ LED ใหม่ โดยไฟแต่ละข้างมีทั้งหมด 4 ดวง บางเป็นไฟต่ำ 2 ดวง ไฟสูง 2 ดวง พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่ล้ำสมัยที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต
ภายในสะท้อนอารมณ์สปอร์ต
ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Futuristic” มอบความกว้างสะดวกสบาย ตกแต่งแบบ ALL-BLACK ตัดด้วยเส้นสายสีเงิน เบาะหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งฝั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้วน้ำ
พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน สั่งการและควบคุมจอแสดงผล จอเครื่องเล่นตรงกลาง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว หน้าจอกลางมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และรองรับ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth และ MP3 มีลำโพง 6 ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา โดยปรับอุณหภูมิและความแรงลม ต้องมาปรับที่หน้าจอกลาง
เบาะนั่งโดยสารแถวสอง กว้างนั่งสบายพนักพิงพับได้แบบ 60:40 พับลงแล้วราบเรียบ ที่วางแขนพร้อมช่องวางแก้วน้ำไม่มีเหมือนรุ่นท็อป และรุ่นก่อนหน้าที่โละไป
ขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร ผสานกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (เติม E20 ได้) หลายคนที่ไม่เคยลองขับอาจคิดว่าพลังไม่จี๊ดจ๊าด แต่ข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อน ศิริรวมกำลังมอบความจัดจ้านสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์ DHT สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถไฮบริดเกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า เร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลา 8.9 วินาที (ใช้โหมด SPORT)
ระบบช่วงล่างแน่นวางใจได้
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Vertical Arm Torsion Beam) ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CC) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ตามความเร็วที่กำหนด และขับได้สบายมากยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัยครบ
กล้องแสดงภาพขณะถอยหลัง เพิ่มมุมมองความปลอดภัยมากขึ้น ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง และหากเกิดเหตุจนถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อกโดยอัตโนมัติ และระบบเตือนภัยของรถจะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินในไม่กี่วินาที พร้อมส่งตำแหน่งขอความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังคงระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่อง และเตือนผู้ขับขี่ หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กม. ต่อ ชม. ต่อเนื่องมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือน และแนะนำให้คนขับหยุดพัก โดยจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที ระบบไฟกระพริบเมื่อเบรกรถกระทันหัน (ESS) เมื่อเบรกแบบกระทันหัน ระบบจะเปิดไฟกระพริบเพื่อแจ้งเตือนรถคันหลัง ให้ชะลอความเร็ว ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 3 จุด Auto Break Hold ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่นหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุุดนิ่ง ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (VSS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS)
ฟีเจอร์ที่ถูดตัดออกไป จะว่าไปแล้วไม่ได้ทำให้สมรรถนะโดยรวมไป เช่น ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ,ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ,ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ,ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ,ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ระบบ Adaptive Cruise Control ที่เคยมี ก็คงระบบ Cruise Control แบบธรรมดาไว้ ส่วนระบบอื่นที่โดนโละทิ้งไป เช่น RCTA ,RCTB ,Blind Spot ,ระบบจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ เป็นต้น
สมรรถนะขับขี่
ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทำงานรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจี๊ดจ๊าดโดนใจ จะเร่งจะแซงไม่ต้องลุ้นให้เพลียใจ แถมยังมอบอัตราประหยัดเชื้อเพลิงโนใจจริง ๆ โดยเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) เร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว ช่วงที่ยกคันเร่งจะรู้สึกว่า รถชะลอหรือหน่วงเหมือนเลียเบรก ซึ่งความหน่วงนี้ มอเตอร์จะปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตฯ ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากขึ้น ยิ่งสลับผลัดเปลี่ยนมาใช้โหมดต่างๆ ที่มีคือ
– โหมด (ECO) เน้นขับประหยัด คันเร่งจะหน่วงกว่าโหมดอื่น ๆ
– โหมด (Normal) ขับปกติทั่วไป คันเร่งไวกว่าโหมด Eco
– โหมด (Sport) จี๊ดจ๊าดฉับไว (ยิ่งแบตฯ มีกำลังไฟเหมาะสม) อารมณ์คันเร่งจะไว รอบจัด กดคันเร่งปุ๊บรถสปีดปั๊บ
– โหมด (Snow : หิมะ) จะใช้งานบนถนนลื่น โดยระบบจะใช้เกียร์สูง เพื่อลดการฟรีของล้อ
– โหมดขับลุยน้ำ ระบบจะตัดการทำงานระบบไฮบริด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยเครื่องยนต์ทำงาน 100%
สรุป
Haval Jolion Sport ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถแบบอเนกประสงค์ ที่มีฟีเจอร์กำลังพอเหมาะพอเจาะ ขับสนุก ราคา 799,000 บาท ถือว่าน่าคบ