ปตท.เผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 14-18 ส.ค. 66 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 21 – 25 ส.ค. 66 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 84.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -1.76 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของ เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 80.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -2.15 เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 86.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -1.71 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าที่สิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +0.99 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 108.22 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง -1.07 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 118.18 เหรียญสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดลดลงจากจากความกังวลต่อวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนส่งสัญญานรุนแรงมากขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ล่าสุด Country Garden บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 เป็นครั้งแรก
ขณะที่ Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายของนิวยอร์กในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 66 เพื่อขอความคุ้มครองภายใต้มาตรา 15 ของประมวลกฎหมายล้มละลายของสหรัฐฯ (Chapter 15) ส่งผลให้นักลงทุนกังวลการล้มละลายครั้งนี้อาจลุกลามเป็นวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจาก Evergrande ครองสัดส่วน 40% ของโครงการบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัยในจีน
อนึ่ง บันทึกการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อ 25-26 ก.ค. 66 ระบุว่า Fed กังวลต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อ (ปัจจุบันอยู่ที่ 3.2%) จำเป็นต้องบริหารจัดการให้อยู่ในระดับเป้าหมาย 2% และกล่าวว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อต่อสู้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่มที่ 5.25%-5.50%)
Citigroup ชี้ว่าในเดือน ส.ค. 66 จะเป็นช่วงที่อุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ในระดับสูงสุดของปี 2566 และหลังจากนั้นจะเริ่มชะลอตัวลง โดยคาดว่าในปี 2566 อุปทานน้ำมันจะมากกว่าอุปสงค์ (Surplus) อยู่ที่ราว 200,000 บาร์เรลต่อวัน และในปี 2567 ที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะกดดันราคาน้ำมัน ทั้งนี้ OPEC+ อาจประกาศมาตรการลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อพยุงไม่ให้ราคาน้ำมันต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
