ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ มาถึงประเทศไทยแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับแฟนๆ ปอร์เช่ชาวไทย รถคันนี้ประกอบขึ้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ปอร์เช่ในประเทศมาเลเซีย มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า ดีไซน์ที่ออกแบบใหม่ ขุมพลังไฮบริดประสิทธิภาพสูง และตัวเลือกการปรับแต่งที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย
ปอร์เช่ ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ที่ผลิตขึ้นสำหรับแฟนๆ ปอร์เช่ชาวไทย นับเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์รถยนต์หรูระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รถเอสยูวีสปอร์ตคันนี้กลายเป็นรถรุ่นที่ 2ที่มาจากสายการผลิตของประเทศมาเลเซีย และเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในภูมิภาคเพื่อส่งออกมายังประเทศไทย โดยมอบประสบการณ์อันเหนือระดับในราคาที่น่าสนใจ
ปอร์เช่ เข้าใจความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าชาวไทย จึงได้ปรับแต่ง คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ให้มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือชั้น มีฟีเจอร์มากมายเมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐานที่นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ยังมีไมโครไซต์ (Microsite) เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการจองรถยนต์รุ่นใหม่นี้ผ่านทางออนไลน์ เพื่อมอบประสบการณ์การจองที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าที่สนใจ และรองรับการปรับแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นสีภายนอก ตัวเลือกหนังภายใน และอุปกรณ์เสริม Tequipment ต่างๆ
นายอัลเบรคท์ ไรโมลด์ (Mr. Albrecht Reimold) กรรมการบริหารฝ่ายการผลิต ปอร์เช่ เอจี กล่าวว่า “ปอร์เช่ บุกตลาดสำคัญนี้ด้วยการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศมาเลเซียขึ้นเมื่อปี 2022 ตั้งแต่นั้นเราก็ประสบความสำเร็จมากมาย เช่น การส่งมอบคาเยนน์ (Cayenne) ที่ประกอบในมาเลเซียมากกว่า 1,000 คันให้กับลูกค้าชาวมาเลเซีย ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีหลังจากเริ่มประกอบ วันนี้เราเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตด้วยการยกระดับโรงงานประกอบที่กูลิมอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่า คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นแรกที่ส่งออกไปยังภูมิภาคนี้ จะตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างสูงสุด”
นายฮานเนส รูออฟ (Hannes Ruoff) ประธานกรรมการบริหาร ปอร์เช่ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “การเปิดตัว คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นประกอบในมาเลเซียสำหรับประเทศไทย นับเป็นอีกก้าวสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตอกย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของตลาดที่มีความเคลื่อนไหวและไม่หยุดนิ่งสำหรับปอร์เช่ รถยนต์รุ่นแรกที่ส่งออกจากโรงงานประกอบในภูมิภาคของเราไปยังประเทศไทย สะท้อนถึงพลังแห่งวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันและความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ซึ่งผลักดันให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น”
นายปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะเปิดตัว คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) รุ่นประกอบในภูมิภาค สำหรับประเทศไทย รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมอุปกรณ์ที่ผ่านการปรับแต่งตามความต้องการของลูกค้าชาวไทยโดยเฉพาะ และด้วยราคาที่น่าสนใจ เราเชื่อมั่นว่ารุ่นย่อยใหม่นี้จะกลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมสำหรับแฟนๆ ปอร์เช่และลูกค้าในประเทศไทยอย่างแน่นอน”
อุปกรณ์มาตรฐานที่เหนือกว่า
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ทรงพลังและสปอร์ตยิ่งขึ้น ลูกค้าชาวไทยสามารถเลือกสีตัวถังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สีขาวเมทาลิก Carrara White, สีดำเมทาลิก Chromite Black และสีเงินเมทาลิก Dolomite Silver
เสริมความโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ HD Matrix LED ดีไซน์ใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยโมดูลความละเอียดสูง 2 ชุด และพิกเซลกว่า 32,000 พิกเซลต่อโคมไฟ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ขณะที่ล้ออัลลอยลาย คาเยนน์ (Cayenne) ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Vesuvius Grey มอบความหรูหราและสปอร์ตให้กับรถ SUV คันนี้ได้อย่างลงตัว
ภายในของ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ได้รับการยกระดับด้วยฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งพวงมาลัย GT Sports และ แพ็คเกจ Sport Chrono พร้อมนาฬิกา Porsche Design เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยยกระดับความหรูหราให้กับผู้ขับขี่ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร
รถเอสยูวี (SUV) สุดหรูรุ่นนี้ ยังมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE® เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม เลือกได้ 2 สี คือ สีดำ หรือ สีแดงบอร์โด (Bordeaux Red) พร้อมตราสัญลักษณ์ปอร์เช่บนพนักพิงศรีษะที่เบาะคู่หน้า อีกทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิแยก 4 โซน เครื่องฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางพร้อมระบบจำตำแหน่งสำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหลัง และม่านบังแดดด้านหลังที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบช่วยจอด (ParkAssist) พร้อมกล้องรอบทิศทาง (Surround View) และรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple® CarPlay มอบความสะดวกสบายสูงสุด ทั้งยังเอาใจผู้โดยสารด้านหลังด้วยระบบเตรียมติดตั้ง Rear Seat Entertainment ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถติดตั้งหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย เพื่อยกระดับความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง
เพิ่มเติมความทันสมัยให้กับห้องโดยสารด้วย Porsche Driver Experience ประกอบด้วย ชุดหน้าปัดดิจิตอลแบบโค้งมนขนาด 12.6 นิ้ว และหน้าจอระบบ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ตำแหน่งคันเกียร์อัตโนมัติได้รับการย้ายไปทางซ้ายของพวงมาลัยบนคอนโซลกลาง การปรับเปลี่ยนนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องเก็บของและแผงควบคุมระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ดีไซน์สวยงามทันสมัยในโทนสีดำ แผงควบคุมระบบปรับอากาศมาพร้อมปุ่มกดขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย พร้อมสวิทช์ปรับอากาศแบบหมุน และปุ่มปรับระดับเสียงแบบสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและดูหรูหรา
นิยามใหม่แห่งประสิทธิภาพ
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ผสมผสานความสปอร์ตอันทรงพลังของ Cayenne S เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัยของ Cayenne E-Hybrid นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับโลกในการมอบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจ ผสานเทคโนโลยีไฮบริดที่ทั้งทรงประสิทธิภาพและล้ำหน้า
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 260 กิโลวัตต์ (353 แรงม้า) แรงกว่าเครื่องยนต์ใน Cayenne E-Hybrid ถึง 36 กิโลวัตต์ (49 แรงม้า) เมื่อผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ส่งผลให้ระบบมีกำลังรวม 382 กิโลวัตต์ (519 แรงม้า) รถเอสยูวีคูเป้รุ่นนี้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 263 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าสูงสุด 90 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EAER City) เหมาะสำหรับการขับขี่ภายในกรุงเทพฯ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย
ระบบช่วงล่างใหม่ เสริมความสะดวกสบาย
ปอร์เช่ ได้ยกระดับ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ด้วยระบบช่วงล่างลมอัจฉริยะแบบใหม่ ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลม Porsche Active Suspension Management (PASM) เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ เพิ่มความมั่นคง และง่ายต่อการควบคุมรถยนต์ทั้งบนถนนและทางออฟโรด เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างมาตรฐานและรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและสมรรถนะของการขับขี่ ลดการโคลงของตัวรถในขณะขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งยังช่วยให้การปรับโหมดการขับขี่ระหว่าง Normal, Sport และ Sport Plus แตกต่างกันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมของ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่มากขึ้น เทคโนโลยี Two-Chamber Two-Valve ช่วยปรับช่วงล่างได้หลากหลาย ตั้งแต่เน้นความนุ่มนวลสำหรับการขับขี่สบายๆ ไปจนถึงโหมดสปอร์ตที่เน้นการตอบสนองฉับไว
ราคาที่น่าสนใจพร้อมตัวเลือกการปรับแต่งมากมาย
ปอร์เช่เข้าใจว่าลูกค้าต้องการความเป็นตัวเอง ดังนั้น คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย สามารถปรับแต่งผ่านไมโครไซต์พิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ
เว็บไซต์นี้เปิดโอกาสให้แฟนๆ ปอร์เช่ สามารถออกแบบคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) ในฝันได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสีตัวถังและการตกแต่งภายใน รวมไปถึงการเพิ่มอุปกรณ์เสริม Tequipment หรือ แพ็คเกจปรับแต่งพิเศษจาก Porsche Exclusive Manufaktur
คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นสำหรับประเทศไทย ราคาเริ่มต้นที่ราคา 6,290,000 บาท โดยมีกำหนดส่งมอบให้ลูกค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป สามารถจองรถยนต์รุ่นนี้ผ่านไมโครไซต์ (Microsite) ได้ที่ thcayenne.online
Porsche Thailand introduces new regionally-assembled Cayenne S E-Hybrid Coupé
– New Cayenne S E-Hybrid Coupé becomes the second model to be assembled in Malaysia, first model to be exported regionally to Thailand
– New Cayenne variant for Thailand features elevated standard equipment with options for personalisation via Tequipment
– New online booking microsite launched alongside new model for seamless customer purchase experience
– Thoroughly redesigned and upgraded Cayenne S E-Hybrid Coupé features comprehensively upgraded design, new suspension system and delivers high levels of luxury, dynamic performance and efficiency.
– New Cayenne S E-Hybrid Coupé for Thailand priced from THB 6,290,000, first deliveries in Thailand begin in August 2024
A new Cayenne S E-Hybrid Coupé arrives in Thailand, optimised specifically for local Porsche fans. The new car, assembled at the local assembly facility for Porsche in Malaysia, features an elevated level of standard equipment, alongside a thoroughly redesigned look, a highly-efficient hybrid powertrain and individualisation options catered to discerning Thai customers.
Bangkok. Porsche Thailand is proud to announce the launch of a new Porsche Cayenne S E-Hybrid Coupé variant created specifically for Porsche fans in Thailand, marking a significant milestone in the luxury carmaker’s presence in the Southeast Asian region. The sporty SUV becomes the second model to be assembled in Malaysia, and the first regionally-assembled model to be exported to Thailand, offering an elevated product at a compelling price.
Understanding the distinct demands of Porsche customers in Thailand, Porsche has curated a Cayenne S E-Hybrid Coupé offer with a higher level of standard equipment, with many more features compared to the base car imported from Europe. In addition, a new online booking microsite created specifically for the new Cayenne S E-Hybrid Coupé offers a seamless booking experience for would-be customers, and allows for additional personalisation in terms of exterior colour, interior leather options, and selected Tequipment items.
Mr. Albrecht Reimold, Member of the Executive Board for Production, Porsche AG said: “Porsche broke new ground when it established a local assembly facility in Malaysia in 2022; since then, we have achieved many significant milestones, for example when more than 1,000 locally-assembled Cayennes found new homes with Malaysian families just a year after assembly commenced. Today, we prepare for the future by considerably enhancing our site in Kulim, making sure that this first regionally-exported Cayenne fulfils our customers’ demands and expectations.”
Mr. Hannes Ruoff, CEO Porsche Asia Pacific said: “The introduction of this new model assembled in Malaysia for Thailand marks a significant milestone for the region, and underlines the growing importance of dynamic and diverse Southeast Asia for Porsche. With this first export model from our local assembly facility in Thailand, we demonstrate the power of shared vision and strong collaboration across the value chain that drives us to new heights.”
Mr. Peter Rohwer, Managing Director Porsche Thailand said: “We are delighted to introduce this new regionally-assembled Cayenne S E-Hybrid for Thailand. With a curated offer configured specifically to the discerning tastes of our customers here, offered at a compelling price, we anticipate that this new variant will be a firm favourite for Porsche fans and customers in Thailand.”
Enhanced standard equipment for Thailand
The new Cayenne S E-Hybrid Coupé made for Thailand features has a particularly expressive and athletic appearance, and now, customers in Thailand can personalise this with a choice between Carrara White Metallic, Chromite Black Metallic and Dolomite Silver Metallic exterior paint at no additional cost.
In addition, new and redesigned HD Matrix LED headlights come as standard, with two high-definition modules and more than 32,000 pixels per headlamp to provide ample visibility and safety for the driver and occupants, and 20-inch Cayenne Design wheels in Vesuvius Grey endow the SUV with a more luxurious and sporty look.
Inside, the new Cayenne S E-Hybrid Coupé made for Thailand is enhanced with many additional features. For the first time, a GT Sports steering wheel and the Sport Chrono package with Porsche Design clock are included as standard features, greatly elevating the sense of luxury for the driver upon entry.
In addition, the luxury SUV comes equipped as standard with a BOSE® Surround Sound System, two choices of smooth-finish leather upholstery in Black or Bordeaux Red with Porsche crests on the front headrests, four-zone climate control, an interior air quality ionizer, 14-way adjustable comfort bench seats with memory function in the rear and electric roll-up sunblinds for the rear windows.
Driver assistance systems are also enhanced with convenient technology features like Adaptive Cruise Control, ParkAssist including Surround View and Smartphone integration with Apple® CarPlay. Passengers are also treated to a premium occupant experience with Rear Seat Entertainment pre-wiring available as standard. As an option, two rear screens can be easily installed for passengers’ viewing pleasure.
A new 12.6-inch curved instrument cluster and 12.3-inch infotainment screen are standard part of the new Porsche Driver Experience. The automatic gear selector in the new Cayenne is also now to the right of the steering wheel on the dashboard in left-hand drive vehicles. This makes room on the new centre console for storage compartments and a large air conditioning controller in an elegant black panel design. Large, easily accessible controls combined with mechanical air conditioning switches and a haptic volume controller ensure optimum usability and a refined look.
Efficiency Redefined
The new Cayenne S E-Hybrid Coupé made for Thailand combines the dynamic demands of the Cayenne S with the progressive drive concept of the Cayenne E-Hybrid. In doing so, the sports car manufacturer is creating yet another exhilarating point of access to efficient and advanced hybrid technology.
With 260 kW (353 PS), the 3.0-litre V6 turbo engine in the Cayenne S E-Hybrid Coupé has 36 kW (49 PS) more power than the powerplant in the Cayenne E-Hybrid. Together with the new electric motor, this results in a system output of 382 kW (519 PS). The SUV Coupé accelerate from zero to 100 km/h in 4.7 seconds and reaches a top speed of 263 km/h. The electric-only range is up to 90 km (EAER City), perfect for any daily commute within Bangkok.
Enhanced Comfort: Suspension Innovations
Porsche now equips the Cayenne S E-Hybrid Coupé as standard with a new adaptive air suspension including Porsche Active Suspension Management (PASM) with two-chamber, two-valve technology. This improves the driving experience, stabilises the vehicle and simplifies handling on- and off-road compared to both the standard suspension and the previous model. At the same time, the adaptive air suspension improves driving precision and performance, and reduces body movements in dynamic driving situations. The suspension also offers an even sharper differentiation between Normal, Sport and Sport Plus driving modes.
In the Cayenne S E-Hybrid, the standard adaptive air suspension contributes to the combination of increased performance and greater driving comfort. Its innovative two-chamber, two-valve technology enables a particularly wide spectrum of spring rates that range from extremely comfortable to high performance, dynamic behaviour.
Elevated offer at a compelling price, with high levels of personalisation
Recognising that individualisation is a core tenet of the Porsche brand, the new Cayenne S E-Hybrid Coupé made for Thailand can now be personalised via a bespoke microsite made just for the new model.
The microsite offers fans of the iconic German sports car brand the opportunity to create their dream Cayenne S E-Hybrid Coupé, selecting exterior and interior combinations, and adding their desired Tequipment options with ease.
The new Cayenne S E-Hybrid made for Thailand starts from THB 6,290,000, and customer deliveries are scheduled to begin from August 2024 onwards. The online microsite for customers in Thailand can be accessed via thcayenne.online.
