สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) ประกาศจัดงาน Future Mobility Thailand 2025 ครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Driving Tomorrow: Innovating for a Sustainable and Connected Future” เป็นเวทีแสดงศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกับพันธมิตรระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และเทคโนโลยีแห่งอนาคต
งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะจัดขึ้นระหว่าง 3 – 5 เมษายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นงานแสดงสินค้าระดับ B2B ที่รวมเอาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, ผู้พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า, ผู้ให้บริการด้านซัพพลายเชน, สถาบันวิจัยชั้นนำระดับประเทศ รวมถึงนักลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์จากทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน
นายสุพจน์ สุขพิศาล รองเลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวว่า การจัดงาน Future Mobility Thailand 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยที่พร้อมก้าวไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ยานยนต์ไฮบริด (HEV, PHEV), ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) รวมถึงเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Vehicles)
“อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยมีความพร้อมสูง เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งและผู้ผลิตไทยมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ งานนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการ เปิดตลาดใหม่ เชื่อมโยงกับพันธมิตรระดับโลก และขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต”
ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติดอันดับ Top 10 ของโลก ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 1.9 ล้านคันต่อปี โดยภายในปี 2567 ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนคิดเป็น 12% ของ GDP และมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.02 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ในวันพิธีเปิดงานจะมี ปาฐกถาพิเศษ: “สู้ เซฟ สร้าง : อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนฯ ไทย” โดย ท่านเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อดังกล่าวจากแง่มุมของผู้ประกอบการ และภาครัฐที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรม ได้แก่ นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
นายเสวก ประกิจฤทธานนท์ อุปนายกฝ่ายพัฒนาการส่งออก สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวถึงไฮไลท์ของงาน Future Mobility Thailand 2025 ว่า ในงานจะมี โซนพิเศษที่ต้องห้ามพลาด คือ โซน E-Parts & Mobility Revolution เวทีนำเสนอชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่ช่วยสร้างอนาคตแห่งการเดินทางที่ยั่งยืน และโซน ADAS & Entertainment Systems ที่นำเสนอเทคโนโลยีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ และโซลูชันความบันเทิงภายในรถที่มอบประสบการณ์ขับขี่อัจฉริยะและปลอดภัย รวมถึงโซน BGC Green Product & Alternative Energy ที่จะพบกับผลิตภัณฑ์รักษ์โลกและแหล่งพลังงานทางเลือกที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โซน Performance Parts, Accessories, Maintenance & Car Care ที่จะได้สัมผัสอุปกรณ์แต่งรถ สมรรถนะสูง และโซลูชันบำรุงรักษารถยนต์ยุคใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน และโซน Parts Transform เรียนรู้แนวทางการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์สู่การประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องมือแพทย์, อากาศยาน, รถไฟและระบบราง, อุตสาหกรรมเกษตร เป็นต้น
นายเสวก กล่าวเพิ่มเติมว่า “งานนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เนื่องด้วยปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของโลก โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 1,800 ราย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดรับกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต”
โดยประเทศไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนยานยนต์กว่า 1,686 ราย ซึ่งแบ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำ (Tier 1) ประมาณ 476 ราย และผู้ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุน (Tier 2-3) กว่า 1,210 ราย มีซัพพลายเชนที่ครบวงจรโดยเริ่มจากวัตถุดิบ, การผลิต จนถึงการส่งออก และเป็นฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ระดับโลกกว่า 30 แบรนด์
“รวมถึงแนวโน้มของตลาด EV ในภูมิภาคอาเซียนว่า “ประเทศไทยมีโอกาสสูงในการเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค เนื่องจากปัจจุบัน EV มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรถยนต์จากจีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย งานนี้จึงเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน ยานยนต์แห่งอนาคต”
โดยแนวโน้มตลาด EV และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนปี 2567 คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในไทยจะสูงกว่า 100,000 คัน โดยมีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเป็นผู้นำตลาดรถ EV และมีหลายค่าย ตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, NETA, GWM คาดว่าภายในปี 2573 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย และด้วยนโยบาย Japan First จากรัฐบาล จะช่วยผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งรถยนต์สันดาป, รถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทย และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันสมัยไปพร้อมกัน
นางสาวศิรพรรณ อ่อนอรรถ อุปนายกฝ่ายพัฒนา SMEs สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) เน้นย้ำถึงความสำคัญของผู้ประกอบการ SMEs ว่า “ปัจจุบัน SMEs ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวสู่ยุคของยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ งาน Future Mobility Thailand 2025 จะเป็นเวทีที่ช่วยให้ SMEs ได้เรียนรู้แนวโน้มของตลาด เทคโนโลยีการผลิต และโอกาสทางธุรกิจในระดับสากล รวมถึงในงานนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เจรจาธุรกิจและจับคู่ทางการค้า (Business Matching) กับค่ายรถยนต์และผู้ผลิตเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย”
“การที่อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ EV และยานยนต์อัจฉริยะ SMEs ไทยต้องปรับตัวในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เช่น ชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ระบบแบตเตอรี่ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ หรือแม้แต่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง งานนี้จะช่วยให้ SMEs ไทยสามารถพัฒนาและแข่งขันในระดับสากลได้”
ที่ผ่านมาสมาคมฯ ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หาแนวทางผลักดันอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ ให้พัฒนาไปยังอุตสาหกรรมใกล้เคียงเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้ transform ตัวเองได้ เช่นหารือมาตรการกำหนดสัดส่วน local content หรือออกนโยบายสนับสนุนการซื้อหรือผลิตเพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนฯ สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ รวมถึงการยกระดับทักษะแรงงานจากทักษะเครื่องกลไปเป็นไฟฟ้า เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมใหม่
นอกจากนี้ นางสาวศิรพรรณ ยังกล่าวถึงการสนับสนุนจาก TAPMA ว่า “สมาคมฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs โดยจะมีการ ให้คำปรึกษาเชิงลึก การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ และโครงการสนับสนุนด้านเงินทุน เพื่อช่วยให้ SMEs สามารถปรับตัวและเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้อย่างมั่นคง”
Future Mobility Thailand 2025 – เวทีเชื่อมโยงอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต จัดโดยสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคมผู้ค้าอะไหล่วรจักร และสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทยคาดว่าจะ ได้ รับความสนใจจากค่ายรถยนต์ระดับโลก ผู้นำเข้า-ส่งออก ผู้พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน และนักลงทุนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
TAPMA Announces the Launch of ‘Future Mobility Thailand 2025’ A Global Business Matching Platform Aiming to Position Thailand as a Hub for Future Mobility Manufacturing
The Thai Auto Parts Manufacturers Association (TAPMA) has officially announced the inaugural Future Mobility Thailand 2025, set to take place under the theme “Driving Tomorrow: Innovating for a Sustainable and Connected Future.” This event serves as a platform to showcase the capabilities of Thailand’s auto parts manufacturers while connecting the Thai automotive industry with international partners, driving Thailand towards becoming a hub for future mobility and automotive technology.
Supported by the Thailand Board of Investment (BOI), Future Mobility Thailand 2025 will be held from April 3 to April 5, 2025, at the Bangkok International Trade & Exhibition Centre (BITEC), Bangna. This B2B exhibition will bring together auto parts manufacturers, electric vehicle (EV) technology developers, supply chain service providers, leading national research institutions, and investors from the global automotive industry to exchange ideas and explore business opportunities.
Mr. Suphot Sukphisarn, Deputy Secretary General of TAPMA, stated that Future Mobility Thailand 2025 marks a significant milestone for Thailand’s auto parts industry as it embraces emerging technologies, including electric vehicles (EVs), hybrid electric vehicles (HEVs and PHEVs), autonomous vehicles, and connected vehicle technologies.
“Thailand’s auto parts industry is well-prepared for this transformation, boasting a strong supply chain and manufacturers with the ability to adapt to new technological trends. This event presents a vital opportunity to expand into new markets, connect with global partners, and position Thailand as a key player in the future automotive industry.”
Currently, Thailand is the largest automotive and auto parts manufacturing base in ASEAN and ranks among the top 10 in the world, with an annual production capacity of over 1.9 million vehicles. By 2024, automotive and auto parts exports are expected to contribute 12% of Thailand’s GDP, with an export value exceeding 1.02 trillion baht.
The event’s opening ceremony will feature a keynote speech titled “Adapt, Save, Create: The Future of Thailand’s Automotive and Auto Parts Industry” delivered by H.E. Mr. Akanat Promphan, Minister of Industry. Additionally, there will be special presentations from industry leaders and government representatives, including Mr. Sompol Tanadumrongsak, President of TAPMA, and Mr. Narit Therdsteerasukdi, Secretary-General of the Thailand Board of Investment (BOI).
Mr. Swaek Prakitritanon, Vice President of Foreign Affair Department at TAPMA, highlighted several must-visit zones within Future Mobility Thailand 2025:
– E-Parts & Mobility Revolution Zone – Showcasing EV auto parts and cutting-edge mobility technologies that will shape the future of sustainable transportation.
– ADAS & Entertainment Systems Zone – Featuring advanced driver assistance systems (ADAS) and in-car entertainment solutions that enhance driving safety and smart connectivity.
– BGC Green Product & Alternative Energy Zone – Presenting eco-friendly automotive products and alternative energy sources aimed at reducing carbon emissions.
– Performance Parts, Accessories, Maintenance & Car Care Zone – Showcasing high-performance automotive accessories, maintenance solutions, and advanced car care technologies that enhance vehicle efficiency and lifespan.
– Parts Transform Zone – Demonstrating the diversification of the auto parts industry into other sectors, such as medical equipment, aerospace, railway systems, and agriculture.
Mr. Swaek emphasized that this event is a crucial opportunity for Thai auto parts manufacturers to strengthen their global presence, as Thailand is already an essential global auto parts production hub with over 1,800 manufacturers capable of developing technologies aligned with future industry trends.
Thailand’s auto parts supply chain includes 1,686 manufacturers, comprising 476 Tier 1 suppliers and over 1,210 Tier 2-3 suppliers. The country has a fully integrated supply chain, from raw materials to manufacturing and exports, and serves as a production base for more than 30 leading global automotive brands.
Thailand is well-positioned to become the leading EV market in ASEAN, driven by rapid EV adoption, particularly with Chinese automakers setting up production bases in Thailand.
“Future Mobility Thailand 2025 will be a crucial platform for Thai auto parts manufacturers to integrate into the global EV supply chain,” Mr. Swaek stated.
In 2024, the sales of battery electric vehicles (BEVs) in Thailand are expected to surpass 100,000 units, with Chinese automakers such as BYD, NETA, and GWM leading the market. By 2030, EVs are projected to account for 30% of Thailand’s total vehicle production. Additionally, the “Japan First” policy by the Thai government aims to attract high-tech automotive investments across internal combustion engine (ICE) vehicles, EVs, and hybrids. This policy encourages the use of locally manufactured auto parts and fosters innovation in Thailand’s automotive industry.
Ms.Siraphan On-Aht, Vice President of SMEs & Cluster Development Department at TAPMA, emphasized the importance of SMEs adapting to the EV and smart mobility era.
“Currently, Thai SMEs are facing challenges in transitioning to EV production and intelligent mobility systems. Future Mobility Thailand 2025 will provide SMEs with insights into market trends, manufacturing technologies, and international business opportunities. The event will also facilitate business matching sessions, allowing Thai SMEs to engage with global automakers and technology providers, thereby expanding their international reach.”
She also highlighted the importance of upskilling the Thai workforce to support the transformation of the auto parts industry. This includes shifting from mechanical skills to electrical engineering expertise, enabling the development of advanced auto parts for the next generation of mobility solutions.
To support SMEs, TAPMA, in collaboration with the Federation of Thai Industries, has been working on policies to help Thai manufacturers integrate into modern automotive supply chains. This includes promoting local content requirements, encouraging domestic production, and providing workforce training programs.
TAPMA is also committed to supporting Thai SMEs through in-depth consultancy, hands-on training workshops, and financial support programs to help them adapt and grow in the rapidly evolving automotive industry.
Organized by TAPMA with support from the BOI, Thai Subcontracting Promotion Association, Worajak Auto Parts Association, and the Thai Printed Circuit Association, Future Mobility Thailand 2025 is expected to attract global automotive brands, importers-exporters, EV technology developers, auto parts manufacturers, and investors looking to participate in shaping Thailand’s future automotive landscape.
