ปตท.เปิดเผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 9-13 ม.ค. 66 และแนวโน้ม 16-20 ม.ค. 66โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 82.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +3.05 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 77.08 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.78 เหรียญ สหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 78.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +0.73 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.21 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 94.31 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง +2.8 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 113.33 เหรียญสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent, NYMEX WTI และ Dubai สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงหนุนของปัจจัยเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flow) หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) เทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลกปิดตลาดวันที่ 13 ม.ค. 66 ลดลง 0.08% มาอยู่ที่ 102.2 จุด ต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือน โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุม 31 ม.ค.-1 ก.พ. 66 (อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 4.25-4.5%) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) บ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ ในเดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค. 64
สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 82-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขานรับการเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 66 ล่าสุด สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนรายงานจำนวนเที่ยวบินเดินทางเข้าและออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 8-12 ม.ค. 66 เพิ่มขึ้น 48.9% เทียบกับช่วงก่อนที่จีนเปิดพรมแดน มาอยู่ที่ 4.9 แสนเที่ยว และ Goldman Sachs คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/66 และจะเพิ่มขึ้นสู่ 110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปี 2566 จากปัจจัยการเปิดประเทศของจีน
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในจีน โดยวารสาร Nature Medicine คาดการณ์ว่า จุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีนจะนานประมาณ 2-3 เดือน และจะแพร่กระจายไปยังพื้นที่ชนบทซึ่งขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ หลังประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลตรุษจีน (21-27 ม.ค. 66)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- หน่วยศุลกากรของจีน (General Administration of Customs: GAC) รายงาน จีนนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้น 2.8% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- รัฐบาลจีนประกาศโควตานำเข้าน้ำมันดิบรอบที่ 2 ปี 2566 แก่โรงกลั่นอิสระ ปริมาณรวม 816 ล้านบาร์เรล (รอบแรกอยู่ที่ 146 ล้านบาร์เรล) ส่งผลให้โควตานำเข้าน้ำมันดิบรอบ 1-2 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 21% จากรอบ 1-2 ของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 962 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ - ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของโลก ในปี 2566 จะเติบโตที่ 1.7% จากปีก่อนหน้า ลดลงจากคาดการณ์เดิมซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ 3.0% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ และประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกลดการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 6 ม.ค.66 เพิ่มขึ้น 5 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 623 แท่น สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์