ครูว์ : เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2565 เผยให้เห็นผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงสามเดือนแรกของปี โดยผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 162% หรือ คิดเป็น 170 ล้านยูโร สะท้อนตัวเลขผลกำไรทั้งปีที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของบริษัท
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2564 เมื่อกำไรต่อปีเพิ่มขึ้นถึง 389 ล้านยูโร มากกว่าสองเท่าของยอดขายก่อนหน้านี้ที่ 170 ล้านยูโรในปี 2557 รายได้และผลตอบแทนจากยอดขายยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2565 โดยมีมูลค่าถึง 813 ล้านยูโร และ ผลตอบแทนจากยอดขายที่สูงกว่า 21% แม้ว่ายอดขายจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากสถานการณ์โลก แต่ก็ยังมีลูกค้าที่สนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับโมเดลรุ่นใหม่ ส่งผลให้มียอดการสั่งจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตัวเลขล่าสุดยังเผยให้เห็นถึงกลยุทธ์ ‘Beyond100’ ในการสนับสนุนแผนการลงทุนของแบรนด์เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 โดยโครงการลงทุนระยะยาว 10 ปี ซึ่งรวมมูลค่ากว่า 3 พันล้านยูโรถือเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบนท์ลีย์
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 รายได้ต่อรถยนต์หนึ่งคันเพิ่มขึ้นจาก 184,000 ยูโร เป็น 212,000 ยูโร จากโมเดลรุ่น Mulliner และ Speed โดยเฉพาะตลาดในยุโรปที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 38% และ ยอดขายของ Continental GT ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ประกอบกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและในตลาดบ้านเกิดของแบรนด์ในสหราชอาณาจักร
Adrian Hallmark ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายจากสถานการณ์ทั่วโลก แต่เราสามารถเริ่มต้นปี 2565 ด้วยผลประกอบการที่น่าประทับใจ จากการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การเปิดตัวอัครยนตรกรรมรุ่นใหม่ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับการออกแบบเฉพาะตัวของลูกค้า และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของยอดขายอัครยนตรกรรมไฮบริด โดยผลของตัวเลขรายได้และรูปแบบธุรกิจที่ปรับโครงสร้างใหม่ทำให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจจากการขายและการลงทุน
“ผลลัพธ์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของแบรนด์ และการยืนยันความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกลยุทธ์ ‘Beyond100’ เราจะยังคงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้นี้”
Jan-Henrik Lafrentz กรรมการบริหารด้านการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศ เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของเราในไตรมาสแรก แต่การเติบโตของรายได้ กำไร และการรักษาฐานต้นทุนที่ต่ำลงนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าเรากำลังสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่น
โดยแพลตฟอร์มที่มีเสถียรภาพนี้ จะช่วยให้เรามั่นคงต่อความท้าทายภายนอก และเป็นพื้นฐานเพื่อการบรรลุกลยุทธ์ ‘Beyond100’ สู่การเป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูชั้นนำอย่างยั่งยืนในอนาคต”เอเอเอสฯ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดในการครอบครอง เบนท์ลีย์ เบนเทก้า ไฮบริด ใหม่ (New Bentayga Hybrid) ราคาเริ่มต้นที่ 13.2 ล้านบาท และ เบนท์ลีย์ ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด ใหม่ (New Flying Spur Hybrid) ราคาเริ่มต้นที่ 14.2 ล้านบาท พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) การรับประกันจากโรงงานผู้ผลิตฯ พร้อมตัวเลือกสำหรับแผนต่อระยะเวลาการรับประกันจากโรงงานผู้ผลิต (Bentley Extended Warranty) สูงสุด 4 ปี และผู้ช่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 3 ปีเต็ม