28.2 C
Bangkok
Thursday, September 19, 2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.thaihonda.co.th/honda/
previous arrow
next arrow

คอนติเนนทอล โชว์เคสไลน์อัพนวัตกรรมยานยนต์ และยางรถยนต์ ชูศักยภาพขับเคลื่อนอุตฯ ยานยนต์สู่โลกอนาคต

คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก และคอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์และยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี ผนึกกำลังจัดงานโชว์เคสนวัตกรรมครั้งใหญ่ บนคอนเซ็ปต์ “Continental Drives Future Mobility with Confidence” ชูศักยภาพขององค์กรในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่โลกแห่งอนาคตอย่างมั่นใจ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับยานยนต์ทุกประเภท ที่โดดเด่นในด้านประสิทธิภาพและความอัจฉริยะ ที่ถูกพัฒนาบนมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน อันเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ

มร. ปีเตอร์ รางเคิล ประธานฝ่ายบริหารภูมิภาคอาเซียน คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก กล่าวถึงธุรกิจในกลุ่มออโตโมทีฟ ว่า “คอนติเนนทอล ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นมอบความปลอดภัย ยกระดับประสบการณ์ผู้ขับขี่ และผลักดันการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในทุกขณะ อีกเทรนด์มาแรงคู่กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง เทรนด์ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Mobility) จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความเติบโตให้กับตลาดยานยนต์ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ ได้ดำเนินการพัฒนาโซลูชั่นด้านยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายในการยกระดับความสะดวกสบาย และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอระบบให้ความช่วยเหลือและควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ (Assisted & Automated Driving Control Unit: ADCU) แพลตฟอร์มประมวลผลอเนกประสงค์ที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ เหมาะสำหรับระบบการขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง (Highly Automated Driving: HAD) โดย ADCD จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งผนวกเข้ากับเทคโนโลยีการจอดรถอัจฉริยะ (Auto-Parking) ตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการหาที่จอดรถ สามารถนำรถเข้าจอดได้อย่างปลอดภัยในทุกพื้นที นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นด้านสถาปัตยกรรมและเครือข่ายสำหรับยานยนต์ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีค็อกพิทอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing: HPC) ช่วยในการเชื่อมต่อฟังก์ชันการทำงานภายในรถยนต์ตั้งแต่ความบันเทิงไปจนถึงความปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่องเป็นต้น”

มร. คาเรล คูเซรา มร. วิกเนซ เดวาเสนาพาที มร. ปีเตอร์ รางเคิล ดร. ณรงค์ศักดิ์ รัตนสุวรรณชาติ

มร. คาเรล คูเซรา กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวถึงธุรกิจกลุ่มยางรถยนต์ว่า “ภาพรวมของตลาดยางรถยนต์ยังคงเติบโตเป็นไปตามเป้า ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า คอนติเนนทอล ไทร์ส ก็พร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ นอกจากนี้เรายังเป็นผู้ผลิตยางให้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 5 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือ Tesla, BMW, Volkswagen, BYD และ Geely เป็นต้น โดยเรามียางมาตรฐานพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยนวัตกรรมพิเศษที่ผู้ขับขี่รถยนต์มองหาอย่าง ContiSeal ที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันทีตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มียางอะไหล่ติดตั้งมาในตัวรถ และเทคโนโลยี ContiSilent ที่ติดตั้งโฟมดูดซับเสียงภายในยาง ช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ให้การขับขี่และการโดยสารเงียบสงบกว่าที่เคย สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลขึ้นกว่าเดิมด้วยอัตราการต้านทานการหมุนที่ต่ำ ซึ่งนอกจากความโดดเด่นด้านนวัตกรรมยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คอนติเนนทอล ไทร์ส ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางสำหรับยานยนต์ทุกประเภท สามารถสนองต่อความต้องการของแบรนด์รถยนต์ยุโรปและเอเชีย ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ ทั้งรถกระบะ รถบรรทุก ไปจนถึงรถจักรยานยนต์”

“นอกจากนี้ คอนติเนนทอล ไทร์ส มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยางรถยนต์ให้มีสมรรถนะสูงเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เรายังมีการจัดโครงการต่างๆมากมายที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของเรา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราในการเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวสู่ยุคใหม่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน” มร.คาเรล กล่าวเสริม

มร. วิกเนซ เดวาเสนาพาที ผู้จัดการโรงงาน คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวเสริมทัพในการสร้างความเชื่อมั่นด้านการผลิตยางรถยนต์ว่า “ปีนี้ เราได้ก้าวสู่ปีที่ 5 ของการก่อตั้งโรงงานยางคอนติเนนทอล ในประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ที่มีความทันสมัยที่สุดและเป็นหนึ่งในฐานการผลิตใหญ่ของคอนติเนนทอลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องเป้าหมายองค์กรในการก้าวสู่การเป็นผู้นำเสนอนวัตกรรมยางรถยนต์ที่มีความโดดเด่นด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยภายในปี 2573 เราตั้งเป้าว่าจะก้าวขึ้นเป็นโรงงานผลิตยางที่มีความโดดเด่นที่สุดทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมด้วยความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและโซลูชั่นที่ยั่งยืนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตควบคู่ไปกับการยกระดับความยั่งยืนภายในกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องไปกับนโยบายด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลในระดับโลก โดยการขยายโรงงานที่จังหวัดระยอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการแผนการลงทุนของธุรกิจยางคอนติเนนทอล เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้พร้อมรองรับกับความต้องการของตลาดยาง ขณะที่ยังยึดมั่นในการบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานความปลอดภัยและความอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัย ก็ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตยางคุณภาพสูงของคอนติเนนทัล ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมั่นใจ”

“การจัดงานโชว์เคสในครั้งนี้ คือการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าคอนติเนนทอล เราเป็นมากกว่าผู้ผลิตเทคโนโลยีสำหรับ

ยานยนต์และยางรถยนต์ แต่เราคือผู้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่ยึดถือความปลอดภัยและความยั่งยืนในทุกๆ สิ่งที่เราทำ” มร.ปีเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย

Driving Mobility into the Future with Confidence: Continental Showcases Comprehensive Lineup of Automotive Innovations and Tires

– Presenting premium automotive and tire innovations for all types of vehicles, including electric vehicles, with safety and sustainability standards.

– Continental Automotive enhances future mobility with the innovation of Autonomous Mobility.

– Continental Tires introduces cutting-edge innovations with ContiSeal and ContiSilent technology, catering to electric vehicle users in every aspect.

– Strengthening confidence through investment in expanding Continental’s tire plant in Rayong.

Continental Automotive Bangkok and Continental Tyres (Thailand), global leaders in automotive and tire technology from Germany, have joined forces to host and showcase major innovations under the concept “Continental Drives Future Mobility with Confidence.” This event highlights the company’s capabilities in driving the automotive industry confidently into the future by providing comprehensive solutions for all vehicle types, renowned for their performance and intelligence, with development holding safety and sustainability as core principles.

* ซ้ายไปขวา มร. ปีเตอร์ รางเคิล, ดร. ณรงค์ศักดิ์ รัตนสุวรรณชาติ, มร. วิกเนซ เดวาเสนาพาที และ มร. คาเรล คูเซรา
* From left to right Mr. Peter Rankl, Dr. Narongsak Rattanasuwannachart, Mr. Vignesh Devasenapathy and Mr. Karel Kucera

Mr. Peter Rankl, President of ASEAN Continental Automotive, commented on the automotive business, stating, “As a global leader in automotive technology, Continental is committed to enhancing the future of mobility by developing innovations that focus on elevating safety, driver experience, and advancing autonomous driving. We are always on the go and prepared to adapt to changes in the automotive industry. One of the significant trends alongside electric vehicles is Autonomous Mobility, which will play a crucial role in the growth of the automotive market in the near future. Continental Automotive has been continuously developing solutions for Autonomous Mobility with the goal of improving convenience and comfort, while providing the highest level of driving efficiency and safety. This includes offerings such as an Assisted & Automated Driving Control Unit (ADCU), a high-security and reliable multipurpose processing platform suitable for Highly Automated Driving (HAD). ADCU processes data from various sensors, enabling real-time decision-making, integrated with Auto-Parking to ensure safe and stress-free parking in any location. Additionally, we are also prioritizing the development of solutions for automotive architecture and networks with Smart Cockpit technologies, offering High-Performance Computing (HPC) that seamlessly connects in-vehicle functions from entertainment to safety.” 

Mr. Karel Kucera, Managing Director of Continental Tyres (Thailand), gave deeper insights into the tire business, “The overall tire market continues to grow as expected, driven by key trends in the car industry, such as the popularity of electric vehicles among modern consumers. Continental Tyres is well equipped, as all our tires within our product range are compatible with EVs. We also supply factory-fit tires to the top 5 EV manufacturers in Asia-Pacific, including Tesla, BMW, Volkswagen, BYD, and Geely. Key tire technologies that EV drivers can look for include, ContiSeal, for vehicles without a spare tire, can immediately seal punctures, and ContiSilent, as EVs don’t emit engine sound, can also minimize tire noise. In addition to its outstanding innovations in tires for electric vehicles, Continental Tyres also offers tire products for all types of vehicles, meeting the demands of both European and Asian automotive brands across a wide range of segments, including pickup trucks, commercial trucks, and motorcycles.”

default

“Continental Tyres is also committed to creating high-performance tires with road safety being the highest priority. Furthermore, we have already taken several initiatives, along the entire value chain, towards meeting our environmental and social responsibility goals.” Mr. Karel added.

Mr. Vignesh Devasenapathy, Plant Manager, Manufacturing and Logistics Tires, Continental Tyres (Thailand), emphasized the company’s commitment to tire production, “This year marks the 5th year of our Continental tire plant in Rayong, which is one of the most advanced and largest production bases for Continental in the Asia-Pacific region. By 2030, we have a dedication to present the best technological innovations and sustainable solutions that span the entire production chain, while simultaneously raising sustainability within the manufacturing process and products, aligning with Continental’s global sustainability policy. The expansion of the Rayong plant is part of our investment plan to increase production capacity to meet market demand while maintaining high standards of safety and sustainability. Moreover, investing in advanced technologies demonstrates Continental’s ability to produce high-quality tires that consistently meet the needs of customers worldwide with confidence.”

“This event clearly reaffirms that Continental is more than just a manufacturer of automotive and tire technologies; we are innovators developing the future of mobility with safety and sustainability at the core of everything we do, to enhance the driver experience,” Mr. Peter concluded.

โครงสร้างของคอนติเนนทอล ประกอบด้วยธุรกิจ 3 ภาคส่วน ภายใต้หลังคาเดียวกัน ได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีด้านยานยนต์ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ครอบคลุมในหลากหลายด้าน พร้อมนำเสนอนวัตกรรมสำหรับการช่วยเหลือการขับขี่ และการขับขี่แบบอัตโนมัติ ที่ไม่เพียงแต่ทำให้การขับขี่ปราศจากความเครียดเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานทุกคน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกที่ปราศจากอุบัติเหตุจราจร (Vision Zero)

2.กลุ่มธุรกิจยางรถยนต์ นำเสนอยางสมรรถนะสูงสำหรับรถยนต์ รถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ โดยใช้ความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการวิจัย การพัฒนา และการทดสอบยางประเภทต่าง ๆ รวมถึงการนำเสนอยางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและปลอดภัยในทุกช่วงเวลา

3.กลุ่มธุรกิจคอนติเทค (กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางทางเทคนิคและการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลาสติก) นำเสนอเทคโนโลยีและโซลูชันที่สามารถนำไปใช้ในหลากหลายธุรกิจ เช่น ยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงอุตสาหกรรมหนัก เช่น ระบบสายพานลำเลียงและเคลื่อนย้ายสิ่งของ (Conveyor System) โดยในประเทศไทย กลุ่มธุรกิจคอนติเทคมีหน่วยธุรกิจย่อยที่เรียกว่า Surface Solutions มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบส่วนประกอบของยานยนต์ อาทิ เบาะ แผงประตู คอนโซล เป็นต้น

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีด้านยานยนต์

คอนติเนนทอล ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการขับขี่แห่งอนาคต ด้วยการใช้เทคโนโลยีการขับขี่แบบไร้รอยต่อ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง ใน 5 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้

1.การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Mobility) นำเสนอเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่ใช้กล้อง เรดาห์ และเซนเซอร์ต่าง ๆ เข้าช่วยเหลือผู้ขับขี่ ดังนี้

– ชุดควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ (Assisted & Automated Driving Control Unit: ADCU) ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของการขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง (Highly Automated Driving: HAD) โดยใช้การประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ระบบนี้รองรับการปรับใช้ได้หลากหลายระดับ ตั้งแต่การช่วยเหลือผู้ขับขี่ จนถึงการขับขี่แบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งาน พร้อมยกระดับการขับขี่บนท้องถนนผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัย

– Advanced Radar Sensor ARS 640 เป็นระบบเรดาร์ล้ำสมัยจากคอนติเนนทอลที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ช่วยในการลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่โดยใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ขั้นสูง พร้อมรองรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ระบบเรดาร์นี้มีความสามารถในการตรวจจับได้ถึงระยะไกลกว่า 300 เมตร ทำงานบนคลื่นความถี่ 77 GHz สามารถตรวจจับวัตถุได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกสภาพอากาศ

– Continental และ Aurora Innovation ได้ประกาศถึงความสำเร็จครั้งสำคัญในการส่งมอบ Aurora Driver ซึ่งเป็นระบบรถบรรทุกขับขี่อัตโนมัติเชิงพาณิชย์ โดยระบบนี้ใช้การบูรณาการระหว่างฮาร์ดแวร์จากคอนติเนนทอล และซอฟต์แวร์จาก Aurora ซึ่งร่วมกันออกแบบ พัฒนา ตรวจสอบ ส่งมอบ และให้บริการระบบอัตโนมัติที่ปรับขนาดได้สำหรับอุตสาหกรรมการบรรทุก ความร่วมมือระหว่างสองบริษัทเน้นไปที่การสร้างระบบขับขี่ที่ปลอดภัยและมีความแม่นยำในทุกสภาวะ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการตรวจจับและประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ คาดว่าระบบดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2027 เพื่อขับเคลื่อนอนาคตของยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับอุตสาหกรรม

– การจอดรถอัตโนมัติ (Auto Parking) เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้การจอดรถเป็นไปอย่างง่ายดาย ปลอดภัย และช่วยลดความเครียดในการหาที่จอดรถ ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการจอดรถทุกสถานการณ์ ทั้งในพื้นที่แคบ บนทางโค้ง และช่องคู่ขนาน นอกจากนี้ ยังใช้กล้องที่ทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์และระบบอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้าจอดได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องกังวลถึงความซับซ้อนของพื้นที่หรือสิ่งกีดขวาง เทคโนโลยีนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยลดการจราจรติดขัด และเพิ่มความสะดวกสบายในการจอดรถ รวมถึงการพัฒนาระบบจอดอัตโนมัติระยะไกล โดยสามารถควบคุมการจอดผ่านสมาร์ทโฟนได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ที่สัญจรโดยรอบ ด้วยการใช้ระบบช่วยจอดที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น

2.ความปลอดภัยและการขับเคลื่อน (Safety and Motion)

– หลังการเสนอร่างกฎข้อบังคับด้านการปล่อยมลพิษ ยูโร 7 (EURO 7) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม ปี 2025 โดยมีขอบเขตครอบคลุมตั้งแต่ยานพาหนะที่ใช้ในอุตสาหกรรมเบา รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ และยังรวมไปถึงกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ที่แม้ไม่มีการปล่อยไอเสียจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ แต่มาตรฐาน EURO 7 กำหนดให้รถยนต์นั่งไฟฟ้าส่วนบุคคลต้องลดมลพิษ หรือฝุ่นผงที่เกิดจากการเบรค คอนติเนนทอล จึงได้นำเสนอ Green Caliper ซึ่งเป็นคาลิปเปอร์เบรกที่คอนติเนนทอลได้พัฒนาขึ้นมาจากการวิเคราะห์ระบบเบรกในรถยนต์ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2 กรัม ต่อกิโลเมตร สำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป และช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

Green Caliper มีจุดเด่นคือ การออกแบบที่มีน้ำหนักเบา เมื่อติดตั้งร่วมกับดิสก์เบรก จะช่วยลดน้ำหนักได้สูงสุดถึง 5 กิโลกรัม (แล้วแต่กรณี) และช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกและดิสก์ให้น้อยกว่า 0.2 ฟุตปอนด์ ทำให้ประหยัดพลังงาน ทั้งยังลดการสึกหรอของผ้าเบรก และจัดการความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกดียิ่งขึ้น และสามารถลดความเร็วได้สูงสุดประมาณ 0.3 ของแรง g (g-forces) พร้อมส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้งาน และรองรับเทคโนโลยีการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่

3.สถาปัตยกรรมและการเชื่อมต่อโครงข่าย (Architecture and Networking)

– คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (Smart Cockpit High-Performance Computer: HPC) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นโซลูชันสำคัญในการรวมชิ้นส่วนของระบบควบคุมต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของระบบเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัย ระบบอินโฟเทนเมนต์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เพื่อลดความซับซ้อนภายในตัวรถ ช่วยให้การสื่อสารของระบบต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของรถยนต์ได้สะดวกสบายมากขึ้น

Smart Cockpit HPC เป็นโซลูชันที่ถูกกำหนดค่าไว้ล่วงหน้า แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยนำเสนอการตอบสนองระหว่างใช้งานอย่างรวดเร็ว มอบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานที่ราบรื่น แม้จะเป็นการทำงานของฟังก์ชันแบบข้ามโดเมนก็ตาม

นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังได้ร่วมมือกับ Telechips ในการพัฒนา Smart Cockpit HPC ซึ่งมีการใช้โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังจากตระกูล Dolphin เพื่อการเปิดตัวสู่ตลาดที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ล้ำสมัย โดย Dolphin System on Chip (SoC) ช่วยให้สามารถลดขั้นตอนในการพัฒนาและต้นทุนสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ ขณะเดียวกันก็นำเสนออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับยานพาหนะที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ SDV โดย Smart Cockpit HPC ได้รับการออกแบบสำหรับการตั้งค่าห้องผู้ขับพร้อมคนขับและจอแสดงผลส่วนกลาง รวมถึงระบบช่วยเหลือด้วยกล้องสูงสุดถึง 5 ตัว พร้อมรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

4.การเสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) มุ่งเน้นการพัฒนาประสบการณ์การขับขี่ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย อาทิ ระบบควบคุมการสัมผัสบนหน้าจอ และการแสดงผลข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งยังมีระบบการเชื่อมต่อที่ช่วยให้รถยนต์สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในรถอย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทาง

5.Software and Central Technology (SCT) มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์อัจฉริยะ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการใช้ซอฟต์แวร์ให้เป็นตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต โดยมีการคิดค้น พัฒนา และสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน รวมถึงการยกระดับความสะดวกสบายในการขับเคลื่อนด้วยความพร้อมในความเชี่ยวชาญ กระบวนการ และเครื่องมือต่าง ๆ ผ่านโมดูลซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างเป็นมาตรฐานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

กลุ่มธุรกิจยางรถยนต์

คอนติเนนทอล เป็นแบรนด์ยางรถยนต์ที่เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 และเป็นที่รู้จักในฐานะยางเยอรมันที่มีคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงและรถยุโรป ปัจจุบัน คอนติเนนทอลได้มีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ยางให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยางสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ และรถเอสยูวี จากทุกสัญชาติ ทั้งเยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน มาพร้อมขนาดยางที่มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 15 นิ้ว เป็นต้นไป พร้อมตอบโจทย์การเป็นยางระดับพรีเมียมสำหรับรถยนต์ทุกประเภท

เมื่อต้นปี พ.ศ. 2567 คอนติเนนทอล ไทร์ส ประเทศไทย ได้นำเสนอยางรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่น ได้แก่ MaxContact MC7 ยางที่ตอบโจทย์รถยนต์สายสปอร์ต และ eContact ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

MaxContact MC7

ยางรถยนต์ที่ชูนวัตกรรม Sport+ Technology ในกลุ่มยางสปอร์ตสมรรถนะสูง ดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนเอเชียที่มองหาการขับขี่ที่เร้าใจโดยเฉพาะ พร้อมเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้สนุกไปอีกขั้น โดยมอบความพิเศษถึง 3 ด้าน ได้แก่

– การยึดเกาะอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมการบังคับเลี้ยวแบบมีเสถียรภาพ

– การมอบระยะเบรกที่สั้นขึ้น ทำให้สามารถขับขี่อย่างปลอดภัยและมั่นใจในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนท้องถนนหรือบนสนามแข่ง โดยสามารถขับขี่ได้ทั้งบนพื้นถนนแห้งและเปียก

– การให้เสียงรบกวนที่ต่ำภายในห้องโดยสาร ทำให้ไม่เกิดเสียงรบกวนขณะขับขี่

มาพร้อมระบบเทคโนโลยีภายในยาง 3 ระบบ ดังนี้

1.MAXimum Control

– เทคโนโลยี Cornering Macro-blocks ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับถนนได้กว้างขึ้น พร้อมกระจายแรงกดไปยังส่วนอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและทำให้รถมีความเสถียรยิ่งขึ้น ผสานการทำงานกับเทคโนโลยี Stabilizer Bar ที่จะช่วยยึด Macro blocks ไว้อย่างแน่นหนา เพื่อให้สามารถทนต่อแรงกดดันเพิ่มเติมได้ พร้อมมอบความแม่นยำขณะเข้าโค้งบนพื้นถนนแห้งในทุกเส้นทาง

– เทคโนโลยี ReFlex Compound ที่ได้รับการพัฒนาสูงสุด ส่งผลให้มีความต้านทานต่อการเสียรูปของยางสูงขึ้น รวมถึงการตอบสนองและความแม่นยำของพวงมาลัยที่ดีขึ้น มอบการยึดเกาะอย่างเต็มประสิทธิภาพ และให้การควบคุมที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้น

2.Shorter Braking Distance

– การควบคุมการเบรกที่ยอดเยี่ยมบนพื้นถนนเปียก ประกอบด้วยการทำงานผสานกันของ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ Star & Lightning sipes ร่วมกับ Aquasipes ช่วยในการตัดผ่านฟิล์มน้ำจากหลายมุมและหลายทิศทาง เพื่อให้น้ำระบายออกจากร่องยางได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สูญเสียการยึดเกาะบนพื้นถนน และระบบ Aquasipes ร่วมกับ Noise Breaker 3.0 with Flow X-celerator ช่วยเร่งการไหลของน้ำผ่านร่องยาง เพื่อให้การขับขี่มีความเสถียรสูงสุดในสภาพถนนเปียกขณะเร่งความเร็วเข้าโค้ง และขณะเบรกกะทันหัน

– การควบคุมการเบรกที่สั้นลงบนพื้นถนนแห้งและเปียก ด้วย ReFlex Compound ช่วยเพิ่มการเปลี่ยนพลังงานจลน์เป็นความร้อนในระดับที่เหมาะสม มาพร้อมเทคโนโลยีโพลีเมอร์แบบใหม่ที่จำกัดการเคลื่อนที่ของโซ่โพลีเมอร์ ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานและการกระจายตัวลดลง ในระหว่างการเบรก พลังงานจะถูกแปลงเป็นความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีฮิสเทรีซิสสูงขึ้น ส่งผลให้ระยะเบรกสั้นลง

2.Sporty Silent

– เทคโนโลยี Noise Breaker 3.0 ช่วยกระจายคลื่นเสียงออกเป็นความถี่เล็ก ๆ เพื่อป้องกันเสียงรบกวนไม่ให้สะสมและเดินทางเข้าไปในห้องโดยสาร มอบการขับขี่ที่เงียบสงบกว่าที่เคย

MaxContact MC7 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4,000 – 13,000 บาท/เส้น ตามขนาดขอบ 16 – 20 นิ้ว

eContact

ยางรถยนต์รุ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบกว่าที่เคย ผสานความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัดในการขับขี่และการโดยสาร ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมและการเบรกที่ยอดเยี่ยม ทั้งบนพื้นถนนแห้งและเปียก พร้อมมอบทุกการเดินทางเป็นให้ไปอย่างรื่นรมย์ โดยผสานความโดดเด่นทั้ง 2 เทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ดังนี้

1.เทคโนโลยี ContiSeal สารพิเศษที่เหนียวและหนืดภายในยาง จะเข้าอุดรอยรั่วที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 มม. ได้ถึง 80% โดยอัตโนมัติ พร้อมช่วยดักจับอากาศไว้ภายใน ทำให้ลมยางคงที่ สามารถเดินทางได้อย่างต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อ ตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบันที่ไม่มียางอะไหล่ติดตั้งมา พร้อมยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสารอย่างเต็มรูปแบบ

2.เทคโนโลยี ContiSilent โดยมีการติดตั้งตัวดูดซับยางด้านในที่ทำจากโพลียูรีเทนโฟม ซึ่งติดอยู่กับพื้นผิวด้านในของดอกยางเพื่อกันกระแทกกับพื้นถนน สามารถป้องกันการสั่นสะเทือนของยางไม่ให้ส่งผ่านล้อเข้าสู่ภายในตัวรถ ช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนและเสียงล้อได้ถึง 9 dB(A) โดยเทคโนโลยีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการขับขี่ ระยะทาง การบรรทุก หรือความเร็วของรถยนต์ เนื่องจากส่วนประกอบอื่น ๆ ของยางยังคงเหมือนเดิม จึงไม่มีความแตกต่างกันในแง่ของคุณสมบัติด้านสมรรถนะ พร้อมให้การเดินทางที่เงียบสงบและเพลิดเพลินในทุกโมเมนต์

นอกจากนี้ ยางรถยนต์ eContact ยังโดดเด่นในการลดการใช้พลังงานด้วยส่วนผสม Green Chili 2.0 และรูปแบบดอกยางที่ออกแบบมาพิเศษ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในรถยนต์ไฟฟ้า ให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิมด้วยอัตราการต้านทานการหมุนที่ต่ำ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงในรถยนต์ไฮบริดให้เดินทางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

แม้จะเน้นที่ประสิทธิภาพในการขับขี่ แต่ยางรุ่น eContact ก็ยังให้การยึดเกาะและการเบรกที่ดีเยี่ยมในสภาพถนนเปียก ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยบนท้องถนนแม้ในขณะฝนตก พร้อมมอบการควบคุมและการตอบสนองที่ดีในสภาพถนนแห้ง สำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน ให้ทุก ๆ วันเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย

eContact วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6,000 – 16,000 บาท/เส้น ตามขนาดขอบ 17 – 20 นิ้ว

แนวคิดด้านความยั่งยืนในการผลิตยางรถยนต์ของคอนติเนนทอล

นอกจากการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยางรถยนต์ให้ครบคลุมทุกเซกเมนต์แล้ว อีกหนึ่งหัวใจหลักของการดำเนินงานของคอนติเนนทอลคือ เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยคอนติเนนทอลได้ประกาศความมุ่งมั่นด้านการใช้วัสดุหมุนเวียนและวัสดุรีไซเคิลให้ได้มากกว่า 40% ในยางรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี พ.ศ. 2573

เริ่มต้นจากช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 คอนติเนนทอล เริ่มผลิตยางรถยนต์ด้วยแนวคิด Conti GreenConcept ที่ใช้วัตถุดิบจากการรีไซเคิลและวัตถุดิบทดแทน ทั้งจากการใช้ซิลิกาชีวภาพจากของเหลือทิ้งทางการเกษตร การพัฒนาโพลีเอสเตอร์จากขวด PET รีไซเคิล และวัตถุดิบหมุนเวียนรีไซเคิลอื่น ๆ โดยคอนติเนนทอลได้นำแนวคิดเหล่านี้สู่ยางรถยนต์ซีรีส์ UltraContact NXT ได้สำเร็จ นับเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ที่ก้าวหน้าที่สุดของคอนติเนนทอล

UltraContact NXT

ยางรถยนต์ที่สะท้อนแนวคิดด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลได้อย่างดีที่สุด และถือเป็นยางรุ่นแรกของโลกที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียน โดย 65% ของส่วนผสมใน UltraContact NXT มาจากวัสดุหมุนเวียน วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่ผ่านการรับรองเครื่องชั่งมวล ISCC PLUS

นอกจาก UltraContact NXT จะมีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลแล้ว ยังมอบประสิทธิภาพการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะเช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ทั้งในด้านแรงต้านการหมุน การเบรกบนพื้นเปียก และการลดเสียงรบกวนจากภายนอก เป็นต้น

นอกจากนี้ UltraContact NXT ยังประสบความสำเร็จในด้านการออกแบบ โดยได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ ในงาน IDA International Design Award 2023 ในสาขาอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์และการขนส่ง/รถยนต์

โรงงานผลิตยางรถยนต์คอนติเนนทอล จังหวัดระยอง

จากแผนยุทธศาสตร์ด้านการเติบโตของบริษัท คอนติเนนทอลได้ก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในจังหวัดระยอง ด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 276 ล้านยูโร หรือกว่า 11,000 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2560 โรงงานแห่งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันโดดเด่นทางด้านความเป็นเลิศในกระบวนการผลิต โดยเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากเริ่มเดินเครื่องการผลิต และส่งมอบยางเส้นแรกให้กับลูกค้าชั้นนำระดับโลก ที่เจาะจงเลือกใช้ยางคอนติเนนทอลให้เป็นยางสำหรับรถยนต์ที่ออกจากโรงงาน หรือที่เรียกกันว่ายาง OE (Original Equipment) ได้สำเร็จในปี 2562 หรือเพียงสองปีหลังจากการก่อตั้งโรงงาน

ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงถึง 4 ล้านเส้นต่อปี โดยมีการผลิตยางคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ Continental, General Tire, และ Viking ซึ่งนับว่าเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุด และเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของคอนติเนนทอล เพื่อผลิตยางสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเล็ก ตลอดจนรถจักรยานยนต์ ทั้งยังมีส่วนส่งเสริมการจ้างงานกว่า 900 ตำแหน่ง โรงงานแห่งนี้ กำลังก้าวขึ้นเป็นส่วนสำคัญใน

การเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของคอนติเนนทอลในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมทั้งมีส่วนใน

การยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนแก่ผู้ขับขี่และผู้ใช้งาน ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากเยอรมัน

เดินหน้าสู่อนาคต ด้วยการยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

โรงงานยางที่ระยอง ยังได้เริ่มการผลิตนวัตกรรมยางรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “MaxContact MC7” ถือเป็นยางสปอร์ตระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้มีความสนุกยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบความปลอดภัยสูงสุดอย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้า

ย้อนไปในปี 2566 ที่ผ่านมา คอนติเนนทอล ได้ส่งมอบยางแก่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่มียอดผลิตสูงสุดห้าอันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย มาพร้อมเทคโนโลยีพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างดี โดยนวัตกรรมเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งด้านความเชี่ยวชาญของยางคอนติเนนทอลสำหรับทั้งรถยนต์สันดาปทั่วไปและรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ContiSeal เทคโนโลยีที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันที ลดการใช้ยางอะไหล่ และ ContiSilent เทคโนโลยีที่สามารถลดเสียงรบกวนเพื่อการขับขี่ที่เงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ปราศจากเสียงเครื่องยนต์

โรงงานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิศวกรรมชั้นนำของเยอรมนีมาสู่เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานและประสิทธิภาพอันสูงสุด ในระดับเดียวกันกับโรงงานผลิตยางรถยนต์คอนติเนนทอลทั่วโลก ด้วยพนักงานกว่า 900 คน ที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ทั้งอุปกรณ์ดั้งเดิมและอุปกรณ์เสริม ให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรในทุกภาคส่วน อีกทั้งเครื่องจักรในโรงงานยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน พร้อมกระบวนการโลจิสติกส์แบบอัตโนมัติระดับสูง ที่ช่วยให้พนักงานทุกคนได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ลงตัวตามหลักสรีระศาสตร์ ทำให้โรงงานแห่งนี้คว้ารางวัล “สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2567” ตอกย้ำความเป็นโรงงานต้นแบบแห่งความยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังได้จัดพิธีตั้งเสาเข็มเพื่อฉลองการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการขยายโรงงานผลิตยางรถยนต์ ในจังหวัดระยอง โดยโครงการลงทุนในครั้งนี้จะขยายพื้นที่การผลิตของโรงงานในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก 35,000 ตารางเมตร รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกขนาดเล็กภายในปี 2572 เพื่อให้คอนติเนนทอลสามารถตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกา

นอกจากโรงงานผลิตยางที่จังหวัดระยองแล้ว ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 คอนติเนนทอลได้ขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางมอเตอร์ไซค์แห่งใหม่ในจังหวัดระยอง มูลค่าการลงทุนกว่า 26 ล้านยูโร โดยตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงงานผลิตยางรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อเป้าหมายในการสนับสนุนการผลิต และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางให้แก่ลูกค้าทั่วโลกอย่างดียิ่งขึ้น โรงงานผลิตยางมอเตอร์ไซค์แห่งใหม่นี้ นับว่าเป็นโรงงานผลิตยางมอเตอร์ไซค์แห่งที่สองของคอนติเนนทอลที่ก่อตั้งนอกประเทศเยอรมนี โดยเริ่มผลิตในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 และส่งมอบยางให้กับลูกค้าครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565

คอนติเนนทอลมุ่งมั่นตอบแทนผู้มีอุปการะคุณทุกภาคส่วนด้วยนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก

โครงการริเริ่มด้านการประหยัดพลังงานของคอนติเนนทอล ถูกนำมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงานยางที่จังหวัดระยอง โดยในปี 2566 โรงงานแห่งนี้ได้ขยายกําลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เป็น 4.2 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกําลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งอยู่ในโรงงานสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ทั้งหมด 13% ของไฟฟ้าที่จําเป็นในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โครงการด้านความปลอดภัย ด้านสุขภาพ ด้านคุณภาพชีวิต และการศึกษา เช่น การปลูกต้นไม้ การปรับปรุงสนามเด็กเล่นในโรงเรียน การสร้างความตระหนักรู้ การให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย การแยกขยะ และเรื่องสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน สำหรับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดระยอง

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,000SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles