ปตท. เผยการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันรายสัปดาห์: วันที่ 21-25 เม.ย. 68 และแนวโน้มวันที่ 28 เม.ย. – 2 พ.ค. 68 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 66.65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น +0.81 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของ เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 62.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น +0.47 เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 75.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +1.33 ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าที่สิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.58 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 77.76 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาเพิ่มชึ้น +1.48 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 82.37 เหรียญสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มผ่อนคลาย และจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
วันที่ 23 เม.ย. 68 รมว. กระทรวงการคลังสหรัฐฯ Scott Bessent กล่าวว่าสงครามภาษีกับจีนจะไม่ยกระดับไปมากกว่าระดับปัจจุบัน และมีแนวโน้มผ่อนคลายในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 145% มาอยู่ที่ 50-65% ของมูลค่านำเข้า

รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ โดยเพิ่มเพดานขาดดุลงบประมาณจากเดิม 3% เป็น 4% ของ GDP ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีการอนุมัติพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลกลาง พันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่น และวงเงินกระตุ้นการบริโภค อาทิ อุดหนุนราคารถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle: NEV) เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน การท่องเที่ยวและบริการ สวัสดิการประกันสังคม และภาคอสังหาริมทรัพย์ในการตัดหนี้เสียและเติมสินเชื่อโครงการใหม่ วงเงินรวม 7.2 ล้านล้านหยวน (9.86 แสนล้านดอลลาร์)
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ปรับคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของโลกในปี 2568 และ 2569 มาอยู่ที่ +2.8% และ +3% จากปีก่อนหน้า ตามลำดับ (เดิมคาดการณ์ที่ +3.3% จากปีก่อนหน้า ในปี 2568 และ 2569) จากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการเกิดภาวะชะงักของห่วงโซ่อุปทานการผลิต รวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทำให้ภาคการเงินตึงตัว กดดันภาคการลงทุนชะลอตัวกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้ IMF รายงาน GDP ในปี 2567 อยู่ที่ +3.1% จากปีก่อนหน้า
กระทรวงพลังงานคาซัคสถานประกาศจะกำหนดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยพิจารณาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก แทนที่จะผลิตตามโควตาที่ OPEC+ จัดสรร โดยแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่ของประเทศได้ให้สัมปทานกับบริษัทข้ามชาติไปแล้ว ทั้งนี้ คาซัคสถานเป็นสมาชิก OPEC+ ที่ผลิตน้ำมันดิบเกินโควตามากที่สุด อยู่ที่ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในวันที่ 1-13 เม.ย. 68 (โควตาอยู่ที่ 1.473 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือน เม.ย. 68)