32.1 C
Bangkok
Wednesday, April 23, 2025
https://www.motorshow.in.th/en/home-en/
https://www.mercedes-benz.co.th/th
https://www.ford.co.th/showroom/all-offers/
Mitsubishi Xpander Cross
163732
Banner BIMS2025
BENZ_SL_900x192px
FORD900x192px_1
Mitsubishi900x192px_1
previous arrow
next arrow

เบื้องหลังโลโก้: สิ่งที่ทำให้ ‘แร็พเตอร์’ เป็นรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง

หากพูดถึงรถกระบะสมรรถนะสูงที่กล้าลุยทุกเส้นทาง  ไม่มีชื่อไหนโดดเด่นไปกว่า ‘แร็พเตอร์’ จากฟอร์ด ผู้บุกเบิกนวัตกรรมในการพัฒนารถกระบะสมรรถนะสูง นับตั้งแต่การเปิดตัว F-150 SVT Lightning ในปีพ.ศ. 2536 และเบื้องหลังความแกร่งนี้ เกิดจากดีเอ็นเอที่ถูกบ่มเพาะในสนามแข่งมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุค 80 (พ.ศ. 2523 – 2532)

รถฟอร์ดเริ่มโด่งดังในสนามแข่งออฟโรดเมื่อ แมนนี่ เอสเควร์รา ขึ้นขับฟอร์ด เรนเจอร์ ลงสนามและคว้าแชมป์ SCORE Championships ทั้งในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกในช่วงปี 80 ต่อมาในทศวรรษ 90 ทีม Rough Riders ก็เข้ามาสานต่อความสำเร็จและสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าถ้วยรางวัลชนะเลิศมากกว่า 20 รายการภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี จนกระทั่งในช่วงยุค 2000 (พ.ศ. 2543 – 2552) ฟอร์ดได้นำความเชี่ยวชาญจากสนามแข่งมาพัฒนาเป็นรถกระบะสมรรถนะสูงสำหรับใช้งานจริงสร้างนิยามใหม่ให้กับวงการรถกระบะออฟโรดที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

รถฟอร์ดตระกูลแร็พเตอร์รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นเมื่อฟอร์ดเปิดตัว F-150 แร็พเตอร์ รุ่นแรกในปีพ.ศ. 2553 พร้อมกระแสการตอบรับถล่มทลายจนมีคิวจองยาวนานถึงหนึ่งปี จากนั้นฟอร์ดได้ขยายไลน์อัพตระกูลแร็พเตอร์เพิ่มขึ้นด้วยการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ในปีพ.ศ. 2562 ตามด้วยฟอร์ด บรองโก แร็พเตอร์รุ่นแรกในปีพ.ศ. 2564 และล่าสุดกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันที่สองในปีพ.ศ. 2566

รถฟอร์ดทุกรุ่นในตระกูลแร็พเตอร์มีเอกลักษณ์ร่วมกันคือการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันออฟโรด ที่ทำให้ลูกค้าได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ฐานล้อที่กว้างกว่ารุ่นมาตรฐาน ระยะความสูงจากพื้นที่มากขึ้น โครงสร้างเสริมความแข็งแรงและระบบกันสะเทือนที่ออกแบบใหม่ พร้อมโช้คอัพที่ผ่านการพิสูจน์ในสนามแข่งแล้ว ฟอร์ดส่งรถแร็พเตอร์ลงแข่งขัน Baja 1000 หนึ่งในสนามออฟโรดที่ท้าทายที่สุดในโลก เพื่อพิสูจน์ความดุดันบนเส้นทางสมบุกสมบัน แม้จะเป็นรายการแข่งขันที่มีรถรุ่นปรับแต่งพิเศษเข้าร่วม แต่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์รุ่นที่ผลิตจากโรงงานและจำหน่ายไปทั่วโลกก็ได้ร่วมการแข่งขัน และคว้าชัยชนะมาแล้ว

นี่คือเครื่องหมายการันตีความเป็น ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เปรียบเสมือนตราเกียรติยศที่รถกระบะแต่ละคันต้องพิสูจน์ให้ได้ เพื่อให้ได้การยอมรับว่าเป็นแร็พเตอร์ตัวจริง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คือรถรุ่นยอดนิยมขวัญใจลูกค้าคนไทยพร้อมสโลแกนประจำตัวแกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์ ด้วยคุณสมบัติสำคัญเหล่านี้ที่ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์โดดเด่นและแตกต่างจากรถรุ่นอื่นๆ  

สมบุกสมบันทุกเส้นทางด้วยช่วงล่างที่คาดการณ์ได้ล่วงหน้า

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พัฒนามาเพื่อครองตำแหน่งผู้นำการขับขี่ออฟโรด โดยใช้ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ ประกอบด้วยโช้คอัพ FOX แบบ Live-Valve Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว พร้อมเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับและประมวลผลการขับขี่ 500 ครั้งต่อวินาที ทั้งพื้นผิวถนน การบังคับเลี้ยว การเร่ง การเบรก และการเคลื่อนไหวของตัวรถ เพื่อปรับตัวรองรับสภาพเส้นทางในแต่ละรูปแบบได้แบบเรียลไทม์ ใช้น้ำมันโช้คผสมเทฟลอนพิเศษที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดแรงเสียดทาน

โครงสร้างแกร่งพิเศษ

รถตระกูลแร็พเตอร์สร้างมาเพื่อทนทานต่อความสมบุกสมบันของเส้นทางออฟโรดสุดโหด โดยมีโครงสร้างเพลารถเป็นเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง ออกแบบมาเพื่อทนต่อการใช้งานเมื่อขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงโดยได้รับการเสริมความแกร่งในจุดสำคัญ เช่น จุดจับยึดต่างๆ ของช่วงล่างให้พร้อมรับทุกการผจญภัยในเส้นทางออฟโรดความเร็วสูงไม่ว่าจะตะลุยเนินทราย ปีนหิน หรือวิ่งบนทางลูกรัง

ฐานที่กว้างขึ้น ดุดันยิ่งขึ้น

การออกแบบรถตระกูลแร็พเตอร์ไม่ได้ทำเพื่อความเท่เท่านั้น ฐานล้อที่กว้างขึ้นเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความดุดันเพื่อการขับขี่ในพื้นที่ออฟโรด โดยจะช่วยให้รถยึดเกาะพื้นได้มั่นคงขึ้น ขับขี่ได้มั่นใจ โดยเฉพาะเวลาอยู่บนเส้นทางที่ท้าทาย ซึ่งฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์มีฐานล้อกว้างกว่าเรนเจอร์รุ่นมาตรฐาน 90 มม. เพิ่มความดุดันและความสามารถในการทรงตัว นอกจากนี้ยังใช้ยางออลเทอร์เรนของ BF Goodrich ขนาด 33 นิ้ว ที่พัฒนามาเพื่อฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดยเฉพาะอีกด้วย

รับมือทุกสภาพพื้นผิวโดยโหมดการขับขี่ที่เลือกเองได้

ไม่ว่าจะบนทางเรียบ ไปจนถึงพื้นหิน รถตระกูลแร็พเตอร์มีโหมดการขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกสภาพเส้นทาง โดยทำหน้าที่เสมือนวิศวกรคอยปรับระบบต่างๆ ให้ได้ทันใจ ตั้งแต่การตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ ความไวต่อระบบเบรก การยึดเกาะ การทรงตัว ไปจนถึงเสียงของท่อไอเสีย โดยแผงหน้าปัดรถยนต์ดิจิทัลก็จะเปลี่ยนไปตามโหมดที่เลือกด้วย สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มีให้เลือก 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดถนนลื่น โหมดหิน โหมดโคลน โหมดทราย และโหมดบาฮา พร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด Trail Control™ ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับเส้นทางออฟโรด ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยได้

อวดความดุดันด้วยเสียงการขับขี่ที่สามารถเลือกได้

เมื่อได้ชื่อว่าเป็นแร็พเตอร์ ย่อมไม่ได้มีเพียงสมรรถนะ แต่ยังมอบประสบการณ์ความดุดันที่เหนือชั้น โดยมีระบบท่อไอเสียปรับแต่งได้เพื่อให้เจ้าของรถสนุกกับการขับขี่ในแบบของตนเอง มาพร้อมระบบ Active Valve เพื่อมอบเสียงที่ไพเราะและดุดัน สามารถเลือกปรับได้ 4 โหมด ตั้งแต่โหมดเงียบสำหรับการขับขี่ที่ผ่อนคลาย โหมดปกติสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โหมดสปอร์ตเมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้น ไปจนถึงโหมด Baja ที่ปลดปล่อยเสียงคำรามตามนิยามแกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์

ล่าสุดฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ได้พิสูจน์สมรรถนะระดับสูงในสนามแข่งขันจริง โดยทีมฟีลลิค อินโนเวชัน มอเตอร์สปอร์ต ที่ได้รับการสนับสนุนจากฟอร์ด ประเทศไทย สามารถคว้าแชมป์ประจำปีในการแข่งขันไทยแลนด์ แรลลี่ เรด แชมเปี้ยนชิพ 2567 (Thailand Rally Raid Championship – TRRC) ในรุ่น T2.1 หรือรุ่นโปรดักชัน สำหรับรถที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย และล่าสุดในปีนี้ ยังคว้าอันดับ 2 ในรุ่น T2 และอันดับ 4 Overall จากการแข่งขันสนามแรก คอออฟโรดและคนรักฟอร์ดที่สนใจสามารถติดตามชมการแข่งขันสนามต่อไปได้  31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2568 นี้ ได้ทางเฟซบุ๊ก ฟอร์ด

Related Articles

Stay Connected

0FansLike
3,912FollowersFollow
22,300SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles