Home PR NEWS ปอร์เช่ มียอดส่งมอบรถใหม่เพิ่มขึ้นถึง 31% ในระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2021

ปอร์เช่ มียอดส่งมอบรถใหม่เพิ่มขึ้นถึง 31% ในระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2021

0
ปอร์เช่ มียอดส่งมอบรถใหม่เพิ่มขึ้นถึง 31% ในระยะเวลา 6 เดือนแรกปี 2021
In the first six Months Porsche Delivers 31 Percent More Vehicles

สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่ สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก รวมทั่วโลก 153,656 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียว ปัจจัยสำคัญเกิดจากความต้องการรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่นที่มีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดในแต่ละภูมิภาคมีทิศทางดีขึ้นเช่นกัน

รุ่นรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คือปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) มียอดส่งมอบ 44,050 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 12% สำหรับมาคันน์ (Macan) ตามมาเป็นอันดับ 2 มียอดส่งมอบ 43,618 คัน ภายใน 6 เดือนแรกปี 2021 หรือเพิ่มขึ้นถึง 27% สำหรับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากตั้งแต่เปิดตัว มียอดส่งมอบทั้งหมด 19,822 คัน เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับยอด ส่งมอบตลอดทั้งปี 2020

ขณะที่ผ่านมาเพียง 6 เดือนเท่านั้น รถสปอร์ตน้องใหม่ของผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน สร้างยอดส่งมอบได้ใกล้เคียงกับรถสปอร์ตรุ่นพี่อันเป็นตำนานของแบรนด์อย่างปอร์เช่ 911 (Porsche 911) มียอดส่งมอบที่ 20,611 คัน หรือเพิ่มขึ้น 22% ในส่วนของ 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster) และ 718 เคย์แมน (718 Cayman) มียอดส่งมอบ 11,922 คัน เพิ่มขึ้น 33% ปิดท้ายด้วยปอร์เช่ พานาเมร่า (Porsche Panamera) มียอดส่งมอบทั้งหมด 13,633 คัน เพิ่มขึ้น 6%

Detlev von Platen สมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานขาย และการตลาดของ Porsche AG  กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ยนตรกรรมสปอร์ตของเราก่อให้เกิดความต้องการในระดับสูง ยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี เกิดขึ้นพร้อมกันในทุกตลาด ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค อัตราการเติบโตดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานของบริษัท ที่เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ขององค์กร สำหรับในทวีปยุโรป ประมาณ 40% ของรถที่ถูกส่งมอบไปแล้วเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ หรือรถยนต์ที่ติดตั้งขุมพลัง plug-in hybrid ปอร์เช่ตระหนักถึงหน้าที่หลักอันดับแรกของเราอยู่เสมอ นั่นก็คือการเติมเต็มความฝันของลูกค้าให้กลายเป็นความจริง”

ยอดจำหน่ายปรับตัวสูงขึ้นในทุกภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยสัดส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 50%  หรือคิดเป็นตัวเลขจำนวนรถยนต์ที่ได้รับการส่งมอบถึง 36,326 คัน และประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ พิสูจน์ได้จากยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ตลอดระยะเวลาครึ่งปีแรกสูงถึง 48,654 คัน ถึงแม้จะเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งทำผลงานยอดเยี่ยมอยู่แล้วก็ตาม บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลกแห่งนี้กลับสามารถสร้างอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นได้ถึง 23% ความต้องการรถสปอร์ต 2 ประตูในประเทศจีน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) มียอดส่งมอบ รวมทั้งสิ้น 2,324 คัน ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายน หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 83% จากปีที่ผ่านมา

สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีอัตราการส่งมอบรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 4 หรือคิดเป็นตัวเลขการส่งมอบรวม 69,198 คัน

โดยเฉพาะตลาดที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้สูงถึง 87% ทำลายสถิติผลการดำเนินงานในส่วนของยอดจำหน่ายช่วงครึ่งปีแรกของภูมิภาคเห็นได้อย่างชัดเจนจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า กว่า 47% ของรถยนต์ ที่จำหน่ายเป็นรถไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่ติดตั้งระบบ plug-in hybrid นอกจากนี้ลูกค้ากว่า 70% ที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ล้วนเป็นลูกค้าใหม่ ไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่มาก่อน นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงทิศทางความเป็นไปได้ ที่ยุคสมัยของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าจะเดินทางมาถึงเร็วเกินความคาดหมาย

ปิดท้ายด้วยทวีปยุโรป ปอร์เช่สามารถสร้างสถิติอัตราการเติบโตได้เพิ่มขึ้น 25% หรือคิดเป็นยอดส่งมอบรวม 40,435 คัน สำหรับในเยอรมนี มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 22% หรือคิดเป็นยอดส่งมอบ 13,094 คัน ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2021

Detlev von Platen กล่าวสรุป “ปอร์เช่ยังสามารถรายงานผลประกอบการที่เป็นบวก หลังจากผ่านครึ่งแรกของปี 2021 มาได้อย่างสวยงาม และบริษัทยังมีคำสั่งซื้อรถยนต์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงความแปรปรวนมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และสภาวะการขาดแคลนชิ้นส่วนอุปกรณ์ semiconductor เรายังคงต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ขององค์กรเพื่อให้บริษัทมีทิศทางที่ดีต่อไป”