“พฤกษา โฮลดิ้ง” เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 ทำรายได้ 4,171 ล้านบาท ได้รับการตอบรับดีเกินคาดจากการออกหุ้นกู้ 2 ชุด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โฟกัสเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มพรีเมียม เดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสอง 7 โครงการ มูลค่า 7,100 ล้านบาท ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโตในทุกมิติ ทำรายได้สูงขึ้น 21% สานต่อความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ พร้อมลงทุนเพิ่มสัดส่วนการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ว่า บริษัททำรายได้ราว 4,171 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรก ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 31.5% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แบบมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 2 ชุด ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีอายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.18% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.48% ต่อปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A- ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ ทำให้ได้รับยอดจองสูงกว่ามูลค่าที่ทำการเสนอขายประมาณ 1.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวมต่อไป
ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 3,475 ล้านบาท ทำยอดขายได้ 3,374 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 1,342 ล้านบาท เติบโตราว 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สินค้าในกลุ่มพรีเมียมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดการขายโครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ในช่วงไตรมาสแรก สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียม (มากกว่า 7 ล้านบาท) ให้มากขึ้นเป็น 50% ในครึ่งปีแรก ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ ในไตรมาสแรก ได้แก่ โครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ) และในครึ่งปีหลัง 22 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ยังมีโครงการไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเปิดใหม่เร็ว ๆ นี้ อาทิ โครงการแบรนด์ใหม่ “ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น สไตล์ British Timeless Elegance และโครงการ “เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล” บ้านหรูสไตล์พูลวิลล่า ดีไซน์คลาสสิค French Hussmann พร้อมนวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงานภายในบ้าน (Active Air Quality, Active Air Flow) นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดี พร้อมมีทีมแพทย์จาก รพ.วิมุต และ Chersery Home International ดูแลสุขภาพทุกคนในครอบครัวถึงที่บ้านเหมือนมีแพทย์ประจำครอบครัว บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) และบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus นวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะ ที่จะเป็นศูนย์กลางดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นให้กับโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 4,429 ล้านบาท และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่มูลค่ารวม 61,269 ล้านบาท ซึ่งยังคงรองรับการเติบโตได้ถึง 2 ปี
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ 499 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกสูงขึ้น (แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติสูงขึ้น 32% และ 30% ตามลำดับ) ช่วงระหว่างปีที่ผ่านมาเดินหน้าสานต่อแผนสู่ความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ (Trusted Healthcare Platform) ประกาศรีแบรนด์ร.พ.เทพธารินทร์ สู่ “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์” ชูศักยภาพความเป็นผู้ชำนาญและความเป็นเลิศด้านเบาหวานและต่อมไร้ท่อ และวางแผนขยายบริการไปถึงกลุ่มลูกบ้านพฤกษาผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายบริการเพิ่มเติม ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและใบหน้า (Maxillofacial Surgery) เปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” ชูนวัตกรรมที่ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเครื่อง “FEMTO LDV Z8” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุและครอบครัวในย่านวัชรพล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของลูกค้าในโครงการบ้านในละแวกนั้น และชุมชนใกล้เคียงทั้งหมดเพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในเครือพฤกษา ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข”
ด้านการดำเนินงานต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ประจำตามกลยุทธ์ Seed new business ล่าสุดเดินหน้าตามแผนงานการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่า 8,430 ล้านบาท บนพื้นที่ย่านบางบ่อรวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัทร่วมทุน 51:49 กับกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะมี แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) นำโซลูชันคลังสินค้าแบบอัจฉริยะและครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิส ติกส์ของประเทศไต้หวันมาร่วมให้บริการด้วย
Pruksa Reports 4,171 Million Baht Revenue in Q1 2024 Healthcare Business Shows Promising 21% Growth Plans 7 New Projects worth 7100 Million Baht in Q2
Pruksa Holding reveals the operating results for the first quarter of the year 2024. The company achieved a revenue of 4,171 million baht, receiving better-than-expected responses from the issuance of two tranches of debentures. The company’s real estate business focused on increasing the proportion of premium products and proceeded with the plan to launch new projects in the second quarter, consisting of 7 projects with a total value of 7,100 million baht. The healthcare business grows in all dimensions, with a revenue increase of 21%. The company continued to lead in the healthcare platforms while further investing to increase recurring income.
Mr. Uten Lohachitpitaks, Group CEO of Pruksa Holding Plc, revealed the operating results for the first quarter of the year 2024. The company achieved a revenue of approximately 4,171 million baht in the first quarter, marking an improved gross profit margin of 32% compared to the fourth quarter of the year 2023, which was 31.5%. Additionally, the company maintained a strong financial status with a low net gearing ratio of 0.31. Most recently, the company has proposed the issuance of guaranteed debentures in two tranches to institutional investors and large investors, which was successfully completed on May 9th. The debentures have a maturity of 2 years with a fixed interest rate of 3.18% per annum and 3 years with a fixed interest rate of 3.48% per annum. The debentures have been rated with a credit rating of A- by Tris Rating Ltd. The company expresses gratitude to all investors for their trust, which resulted in an oversubscription of approximately 1.5 times the offered amount, allowing the company to raise capital from this issuance amounting to 4,500 million baht. The company plans to utilize the proceeds from this issuance to repay maturing debentures and further expand its business operations.
Regarding the real estate business, the company achieved a transfer amount of 3,475 million baht and sales of 3,374 million baht. Single-detached house product sales amounted of 1,342 million baht, growing by 16% compared to the same period of the previous year. Meanwhile, premium products received positive responses, evident from the sale launch of The Palm Bangna-Wongwaen 2 project in the first quarter. This aligns with the plan to increase the proportion of premium products (priced over 7 million baht) to 50%. In the first half of the year, The company plans to launch 8 new projects with a total value of 9,000 million baht (1 project already launched in the first quarter, The Palm Bangna-Wongwaen 2), and 22 projects in the second half with a total value of 20,000 million baht. Key upcoming projects include the new brand “Pine Wellness Residences Prachachuen” – British Timeless Elegance-style three-story single homes and duplexes, and “The Palm Residences Watcharapol” – luxurious pool villa-style houses with classic French Hussmann design, equipped with indoor air quality and energy-saving innovations (Active Air Quality, Active Air Flow), promoting health and well-being living. With healthcare professionals from ViMUT Hospital and Chersery Home International, residents will receive comprehensive healthcare services at home, similar to having a family doctor, along with Concierge Service and services from the MyHaus application – a smart home system for home security and convenience for homeowners and juristic persons, to create unique selling points and featured projects. Additionally, the company has a backlog of sales worth 4,429 million baht and products still available for sale worth a total of 61,269 million baht, capable of supporting growth for up to 2 years.
The healthcare business has experienced growth in all dimensions, with revenue reaching 499 million baht, a 21% increase compared to the first quarter of 2023. The highest revenue was recorded in March of this year. The number of inpatients and outpatients has increased, with Thai patients up by 32% and international patients by 30% respectively. Progress has been made in becoming a leader in the Trusted Healthcare Platform, with the announcement of rebranding Theptarin Hospital to “ViMUT-Theptarin Hospital”, showcasing expertise in diabetes and endocrinology, and the extension of services to homeowners of Pruksa via various benefit offerings. Additionally, ViMUT Hospital has expanded its services to include maxillofacial surgery and opened the “ViMUT LASIK Center” featuring safe innovations with the “FEMTO LDV Z8” machine from Switzerland, along with ongoing construction of a center for elderly health care and family care in the Watcharapol area to offer health care services for Pruksa homeowners and nearby communities, all to enrich the eco-system under the Pruksa umbrella, aligning with the “Live well Stay well” concept.
Plans to generate recurring income from new businesses involve the Seed new business strategy. Most recently, progress has been made according to the plan to construct the Mega Project “Omega Bangna Logistics Campus”, a fully integrated logistics warehouse with state-of-the-art logistics technology, offering comprehensive solutions, valued at 8,430 million baht, covering an area of over 200,000 square meters in the Bang Bo district, under a joint venture with a 51:49 ownership structure with the “CapitaLand SEA Logistics Fund”. The construction period is set for 2 years to accommodate the e-commerce business growth trend, and it’s expected to start generating revenue from 2026 onwards. Ally Logistic Property (ALP), the most advanced smart warehouse solution provider in Taiwan’s logistics industry, will also be providing services collaboratively.
