28.6 C
Bangkok
Friday, February 21, 2025
163732
163732
previous arrow
next arrow

5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์

เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พัฒนาขึ้นเพื่อพร้อมตะลุยทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และการขับขี่ในทุกสภาพเส้นทางหฤโหด สร้างมาตรฐานที่เหนือชั้นในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงเพื่อคอออฟโรดตัวจริง และนี่คือ เกร็ดน่ารู้ 5 ข้อ กับอีก 1 เรื่องอันน่าสนุกเกี่ยวกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์

เครื่องยนต์ วี 6 ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์พร้อมอวดความดุดัน

ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 พัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้กำลังแรงสูงสุดถึง 397 แรงม้า และแรงบิด 538 นิวตันเมตร ตัวเครื่องยนต์ทำจากเหล็กกราไฟท์ ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงระดับเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง

ปรับแต่งเสียงได้ตามต้องการ

เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละสปีดจะได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน เพื่อให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ว่าจะขับขี่บนเส้นทางแบบใด ระบบท่อไอเสียแบบแอคทีฟวาล์วพร้อมโหมดปรับเสียงท่อไอเสียที่เลือกปรับเสียงได้ถึง 4 โหมดตามความชอบของผู้ขับขี่ ตั้งแต่โหมดเงียบ ไปจนถึงเสียงคำรามในโหมดบาฮา1

ช่วงล่างสุดล้ำ พร้อมลุยทุกเส้นทาง

ระบบช่วงล่างของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ไม่ได้มีแค่โช้คอัพขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง แต่ยังแสดงถึงความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีและวิศวกรรมอีกด้วย ปีกนกควบคุมด้านบนและล่างที่ทำจากอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา มอบทั้งความแข็งแกร่งและช่วยควบคุมน้ำหนักตัวรถ ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังมีระยะยืดยุบสูง ช่วยซับแรงกระแทกได้อย่างเหนือชั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบวัตต์ลิงก์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถอย่างแม่นยำแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนที่ขรุขระ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของระบบช่วงล่างคือโช้คอัพ FOX แบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 นิ้ว ที่สามารถปรับตัวได้ตามสภาพพื้นที่ รูปแบบการขับขี่ และโหมดการขับขี่อย่างต่อเนื่อง โดยเซนเซอร์ทั่วทั้งคันจะอ่านการตั้งค่า 500 ครั้งต่อวินาที และวิเคราะห์ตั้งแต่การบังคับพวงมาลัยไปจนถึงการเคลื่อนที่ของแชสซี ข้อมูลนี้จะป้อนเข้าสู่ระบบที่ ‘คาดการณ์’ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบนเส้นทางข้างหน้า เพื่อเตรียมโช้คอัพให้พร้อมสำหรับการควบคุม และความสะดวกสบายสูงสุด

พิชิตทุกสภาพถนนด้วยโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 7 โหมด2 ซึ่งแต่ละโหมดจะปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่แต่ละรูปแบบ โดยโหมดการขับขี่แต่ละโหมด2 จะควบคุมการทำงานส่วนต่าง ๆ ของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ไปจนถึงความไวในการประมวลผลระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) การยึดเกาะถนนและเสถียรภาพการทรงตัว การทำงานของระบบไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผลบนแผงหน้าปัดรถยนต์ และหน้าจอสัมผัสกลางคอนโซล และในช่วงความเร็วต่ำที่ท้าทาย ระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด Trail Control™3 จะทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับเส้นทางออฟโรด ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยได้ ในขณะที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ช่วยจัดการการเร่งความเร็วและเบรก เพื่อรักษาระดับความเร็วที่ผู้ขับขี่เลือก

การออกแบบที่ดุดัน สะท้อนความแกร่งในทุกมิติ

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ไม่ได้โดดเด่นแค่เพียงสมรรถนะ แต่ยังสะท้อนความแข็งแกร่งในทุมมุมมอง ตั้งแต่การออกแบบภายนอก ตัวอักษร F-O-R-D ตัวหนาบนกระจังหน้าอวดความเป็นแร็พเตอร์อย่างชัดเจน ขณะที่กันชนเหล็กพร้อมตะขอลากจูงในตัวแสดงถึงตัวตนเจ้าของรถที่รักการผจญภัย จนถึงซุ้มล้อกว้าง พร้อมช่องระบายอากาศรองรับยางออลเทอร์เรน BFGoodrich® KO2® ขนาด 33 นิ้ว ติดตั้งบนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว

ความแกร่งของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ไม่ได้มีแค่ตัวถังภายนอกเท่านั้น แต่รวมถึงแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถความแข็งแรงสูงเพื่อช่วยปกป้องบริเวณด้านหน้ารถ โดยเครื่องยนต์ ชุดเกียร์ และถังน้ำมันเองก็มีแผ่นกันกระแทกที่มอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่เมื่อต้องออกไปเผชิญกับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

จากโชว์รูมสู่ชัยชนะบนสนามแข่ง

นอกจากฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะสร้างมาเพื่อการผจญภัยแล้ว ยังพัฒนามาเพื่อเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์ โดยไม่มีบทพิสูจน์ใดที่จะแสดงให้เห็นสมรรถนะของรถได้ดีไปกว่าการเข้าร่วมการแข่งขัน Baja 1000 หนึ่งในการแข่งขันออฟโรดที่ท้าทายที่สุดในโลก

ในปี 2565 ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์เข้าร่วมการแข่งขัน Baja 1000 ด้วยรถที่เกือบจะเป็นสเปกเดิมจากโรงงาน เพียงแค่เสริมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเปลี่ยนล้อและยาง เพิ่มไฟส่องสว่าง และติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ ซึ่งนอกจากจะสามารถลงแข่งได้แล้ว ยังคว้าชัยชนะในรุ่น Production มาครองได้สำเร็จอีกด้วย

ในปี 2566 ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์คันเดิม กลับมาลงสนามอีกครั้งในรายการ Finke Desert Race เป็นสนามแข่งที่ท้าทายอีกแหน่ง และคว้าชัยชนะในรุ่นที่ลงแข่งได้อีกครั้ง จากนั้นปี 2567 ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังเดินหน้าสร้างตำนาน ด้วยการคว้าอันดับ 1 ในรุ่น ทั้งในรายการ Finke Desert Race และ Baja 1000 นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงสมรรถนะของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์อย่างแท้จริง

หมายเหตุ

1.โหมดบาฮาออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น

2.ระบบช่วยการขับขี่เป็นเพียงระบบเสริม ไม่สามารถทดแทนความตั้งใจ การตัดสินใจ และการควบคุมรถของผู้ขับขี่ได้ ระบบนี้ไม่สามารถทดแทนการขับขี่อย่างปลอดภัย กรุณาศึกษารายละเอียดและข้อจำกัดเพิ่มเติมในคู่มือการใช้รถ

3.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ระบบช่วยเลี้ยวในพื้นที่แคบ และระบบควบคุมการออกตัวและเบรกด้วยคันเร่งเป็นคุณสมบัติช่วยขับขี่เพิ่มเติม ซึ่งไม่สามารถทดแทนความสนใจและการตัดสินใจของผู้ขับขี่ หรือความจำเป็นในการเหยียบเบรกได้ โปรดศึกษารายละเอียดและข้อจำกัดต่าง ๆ จากคู่มือผู้ใช้รถ

Related Articles

[td_block_social_counter facebook="tagdiv" twitter="tagdivofficial" youtube="tagdiv" style="style8 td-social-boxed td-social-font-icons" tdc_css="eyJhbGwiOnsibWFyZ2luLWJvdHRvbSI6IjM4IiwiZGlzcGxheSI6IiJ9LCJwb3J0cmFpdCI6eyJtYXJnaW4tYm90dG9tIjoiMzAiLCJkaXNwbGF5IjoiIn0sInBvcnRyYWl0X21heF93aWR0aCI6MTAxOCwicG9ydHJhaXRfbWluX3dpZHRoIjo3Njh9" custom_title="Stay Connected" block_template_id="td_block_template_8" f_header_font_family="712" f_header_font_transform="uppercase" f_header_font_weight="500" f_header_font_size="17" border_color="#dd3333"]
- Advertisement -spot_img

Latest Articles