“ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 20 ปี ผลผลิตจากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าโพเดี้ยมในศึกปั้นดาวรุ่งสู่โมโตจีพี รายการ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ซึ่งเป็นเวทีที่รวมดาวรุ่งยอดฝีมือดีจากทั่วโลกกว่า 30 คนเอาไว้ และนี่คือเส้นทางสู่การแข่งขันระดับโลกที่ “ฮอนด้า” ปูโครงสร้างไว้อย่างแข็งแกร่งในทุกขั้นตอน
ธัชกร เริ่มต้นการเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ ในรายการ ฮอนด้า เวฟ 110 ซีซี วันเมคเรซ ก่อนจะฉายแวว “เพชรเม็ดงาม” ด้วยการคว้าแชมป์ประจำปีได้ถึง 2 รายการ ในปี 2012 เหนือนักบิดรุ่นพี่หลายคน ในศึก ฮอนด้า คลิก 110 ซีซี วันเมคเรซ 2012 และ ฮอนด้า เวฟ 110 ซีซี วันเมคเรซ 2012 ซึ่งทั้งสองรายการได้รับการรับรองจากองค์กรระดับประเทศ สมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย หรือ FMSCT
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Touchakorn-A-Prominent-Podium-of-History-Rookies-Cup-Roadmap-Pushing-thai-Rookies-to-Moto-GP-2.jpg)
จากนั้น ธัชกร ในวัย 12 ปี ก็ขยับขึ้นมาคว้าแชมป์ประจำปีในคลาสที่สูงขึ้นอย่าง สปอร์ต มินิ 125 ในรายการ FMSCT ไทยแลนด์ โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2013 และยังคงเพิ่มประสบการณ์ต่อในรายการนี้จนถึงปี 2016 ก่อนจะผ่านการคัดเลือกขึ้นสู่รายการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2016 ตามโครงสร้างพัฒนานักบิดระดับเยาวชนของ ฮอนด้า ซึ่งเพียงปีแรกเขาก็สามารถครองตำแหน่งท็อปไฟว์หรืออันดับ 5 บนตารางแชมเปี้ยนชิพได้สำเร็จ และต่อยอดประสบการณ์ผงาดคว้าแชมป์ประจำปีในปี 2017 พร้อมแจ้งเกิดในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับท็อปคลาสอย่างเต็มตัว
เดินทางมาถึงปี 2018 ธัชกร ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รายการ อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ได้สำเร็จ และนี่คือจุดเริ่มต้นการแข่งขันระดับอินเตอร์เนชั่นแนลของเขาอย่างแท้จริง โดยในปีแรกนักบิดไทยคว้าอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพเมื่อจบฤดูกาล พร้อมกับได้รับโอกาสให้จับคู่กับนักบิดรุ่นพี่อย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช พาทีมแข่งสัญชาติไทย 100 เปอร์เซ็นต์ คว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ครั้งแรกของคนไทยในรุ่นเนชั่นแนล ศึกสองล้อเอ็นดูรานซ์ รายการ “เจพี250 เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง โร้ด เรซซิ่ง 2018” ที่ซูซูกะ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Touchakorn-A-Prominent-Podium-of-History-Rookies-Cup-Roadmap-Pushing-thai-Rookies-to-Moto-GP-3.jpg)
ด้วยพัฒนาการที่โดดเด่นส่งผลให้ ธัชกร ได้รับการจับตามองอย่างมาก โดยในปี 2019 เขาคว้าอันดับ 4 บนตารางแชมเปี้ยนชิพในศึก อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ซึ่งอีกหนึ่งรายการที่ลงแข่งขันควบคู่กันคือ เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ รุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ในรายการนี้ดาวรุ่งไทยจบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 แต่ก็เพียงพอให้เขาได้รับการคัดเลือก ขยับขึ้นสู่เรซระดับโลกอย่างแท้จริงในปีต่อมา
ความท้าทายและงานสุดหินของ ธัชกร คือนับตั้งแต่ปี 2020 เขาต้องลงบิดถึง 2 รายการ ที่มีรถแข่งสเป็กแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งมีนักบิดดาวรุ่งฝีมือดีทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันร่วม 40 คน โดยนักบิดไทยลงดวลความเร็วด้วยเรซแมชชีน Honda NSF250RW
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Touchakorn-A-Prominent-Podium-of-History-Rookies-Cup-Roadmap-Pushing-thai-Rookies-to-Moto-GP-4.jpg)
ขณะที่อีกหนึ่งรายการอย่าง เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ผลักดันนักบิดดาวรุ่งสู่โมโตจีพีมากที่สุดอีกรายการหนึ่ง ก็มีนักบิดเข้าร่วมแข่งขันกว่า 30 คน ซึ่งในรายการนี้ ธัชกร ต้องเข้าร่วมลับฝีมือด้วยรถแข่งที่มีคาแรคเตอร์แตกต่างจากที่เขาคุ้นเคย
อย่างไรก็ดี จากอาการบาดเจ็บที่แขนขวาซึ่งรบกวนอย่างหนัก ส่งผลให้ ธัชกร ยังไม่สามารถสร้างผลงานเฉิดฉายได้ในฤดูกาล 2020 นักบิดไทยเก็บมาได้เพียง 10 แต้มจากรายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ รั้งอันดับ 21 เมื่อจบฤดูกาล และรั้งอันดับ 20 ในรายการ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ด้วยคะแนนทั้งสิ้น 16 แต้ม
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Touchakorn-A-Prominent-Podium-of-History-Rookies-Cup-Roadmap-Pushing-thai-Rookies-to-Moto-GP-5.jpg)
เป้าหมายของ ธัชกร คือสร้างโอกาสที่ดีเพื่อตีตั๋วขึ้นไปบิดในรายการระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ อย่างโมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ให้ได้ และในปี 2021 เขายังคงได้รับโอกาสให้ลุยต่อในศึก เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ
ภายใต้เงื่อนไขข้างต้นด้านรถแข่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงของทั้ง 2 รายการ แน่นอนว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในแง่ดีคือดาวรุ่งไทยรายนี้จะได้บ่มเพาะประสบการณ์อย่างมากกับการปรับตัวในรถแข่งที่แตกต่าง เพื่อให้สามารถขยับขึ้นสู่คลาสที่สูงขึ้นได้ไม่ยากนัก ขณะเดียวกันความท้าทายนี้ก็จะส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างมาก
แม้ 2 สนามแรกที่ อัลการ์ฟ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศโปรตุเกส และที่เซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ประเทศสเปน นักบิดไทยจะยังเจองานหนักในการปรับตัว แต่เมื่อผ่านเข้าสู่สนามที่ 3 ซึ่งดวลกันที่ออโตโดรโม อินเตอร์นาซินาเล่ เดล มูเจลโล ประเทศอิตาลี ธัชกร ยกระดับขีดการต่อสู้ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา โดยทั้ง 2 เรซนี้เองที่เขาถูกจับตามองอย่างมากจากสื่อในต่างประเทศ ขยับขึ้นมาติดท็อปทรีในเรซ แม้จะยังไม่สามารถจบบนโพเดี้ยมได้ก็ตาม นั่นหมายความว่านักบิดไทยพร้อมจะล่าโพเดี้ยมกับทุกคนแล้ว
จากนั้นเมื่อเดินทางมาถึงสนามล่าสุดที่ซัคเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ธัชกร ที่ได้ออกตัวจากกริดที่ 10 สามารถไต่ขึ้นไปลุ้นโพเดี้ยมได้อีกครั้งในเรซแรก แต่โชคไม่ดีโดนเพื่อนนักบิดคนอื่นล้มจนถูกบังคับให้หลุดออกนอกแทร็กไป ซึ่งก็ยังเอาตัวรอดกลับมาจบท็อปเท็นได้ อย่างไรก็ดี ในเรซที่ 2 นี้เอง นักบิดไทยออกสตาร์ทได้ยอดเยี่ยม ทะยานมารั้งท็อปทรีตั้งแต่ต้นเรซ และแซงขึ้นเป็นผู้นำได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนจะปิดจ๊อบด้วยการคว้าอันดับ 3 ขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกของตนเองในรายการนี้ได้สำเร็จ
นี่! คือการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ธัชกร กำลังเปล่งประกายในการแข่งขันระดับจูเนียร์ ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญของนักกีฬาแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่ต่อยอดไปสู่การแข่งขันระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ แน่นอนว่านี่คือ “เด็กไทยคนแรก” ที่คว้าโพเดี้ยมในรายการนี้ได้ และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” คือโครงการที่สามารถพัฒนานักบิดไทยสู่เวทีระดับโลกได้อย่างแท้จริง
“ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เริ่มต้นโครงสร้างตั้งแต่การค้นหานักบิดวัยจิ๋วจากรายการ “ฮอนด้า อะคาเดมี่” เพื่อเฟ้นหาเพชรเม็ดงามก่อนจะเจียรไนต่อในรายการ “ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” จากนั้นจะคัดเลือกดาวรุ่งฝีมือดีเพื่อขยับขึ้นสู่ “อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ” และปูทางต่อไปยังเรซดาวรุ่งชิงแชมป์โลกอย่าง “เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” และ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ซึ่งถือเป็นบันไดขั้นสำคัญให้ดาวรุ่งเหล่านี้ฝ่าขึ้นไปสู่ระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ได้ต่อไป
ปัจจุบัน “ฮอนด้า” ส่งนักบิดดาวรุ่งฝีมือดีอย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา เข้าร่วมแข่งขันศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่นโมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และกำลังมีผลงานที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่ ธัชกร คือหนึ่งในนักบิดดาวรุ่งชาวไทยที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับโอกาสให้ก้าวสู่เรซระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ในอนาคต
แม้เป็นงานยากกับเป้าหมายในการผลักดันนักบิดไทย ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” เข้าสู่ศึก โมโตจีพี ซึ่งเป็นบันไดขั้นสูงสุดของโลกให้ได้ในปี 2025 แต่ความทุ่มเทอย่างหนักของ “ฮอนด้า” ประกอบกับความร่วมมือจาก “ฮอนด้า มอเตอร์” ก็ส่งสัญญาณที่ดีว่านี่คือ โครงการที่จะทำให้ฝันของคนไทยเป็นความจริงกับการได้ส่งเสียงเชียร์นักบิดไทยในศึกดวลความเร็วระดับโลก