รถแข่ง เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการเตรียมการสำหรับการแข่งขันที่มีชื่อเสียงและน่าติดตามที่สุดรายการหนึ่งของโลก โดยตัวรถได้ผ่านการทดสอบด้านพลศาสตร์กว่า 3 ขั้นตอน และผ่านการพัฒนาเครื่องยนต์แบบใช้พลังงานหมนุนเวียนเป็นที่เรียบร้อย
เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค คือ อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยตัวรถได้นำเสนอการเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนของกลยุทธ์ “Beyond100” ที่ถือเป็นพลวัตและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแบรนด์เบนท์ลีย์สู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมหรูที่ยั่งยืนชั้นนำของโลก
สำหรับการแข่งขันในรายการ ไพค์สพีค อินเตอร์เนชั่นแนล ฮิลล์ ไคลมป์ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีคจะลงแข่งด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งถือเป็นการริเริ่มโปรแกรมการพัฒนาและการวิจัยที่มีจุดประสงค์ในการนำเสนอการใช้พลังงานหมุนเวียนคู่ขนานไปกับโปรแกรมการใช้พลังงานไฟฟ้าให้ลูกค้า
ข้อมูลเชิงเทคนิคของเดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค
จุดเริ่มต้นการแข่งขันความสูง 9,300 ฟุต ผู้เข้าแข่งขันต้องขับรถแข่งขึ้นไปที่ความสูงกว่า 14,100 ฟุต ที่ความหนาแน่นของอากาศน้อยกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3 เท่า ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ถูกปรับแต่งระบบแอร์โรไดนามิค ตัวโครงรถ และเครื่องยนต์ เพื่อให้ เดอะ คอนติเนนทัล จีที เป็นอัครยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเบนท์ลีย์
สำหรับเครื่องยนต์ของเดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ถูกพัฒนามาจากเครื่องยนต์สำหรับรถแข่งรุ่น V8 ทวินเทอร์โบ ชาร์จ ขนาดความจุ 4 ลิตร โดยได้ถูกดัดแปลงให้สามารถผลิตแรงม้าได้มากกว่า 750 แรงม้า พร้อมกับแรงบิดกว่า 1,000 นิวตันเมตร
การทดสอบในระดับน้ำทะเล เครื่องยนต์จะผลิตพละกำลังที่สูงขึ้นด้วยลูกสูบและก้านสูบใหม่ที่ได้ถูกติดตั้ง สามารถเพิ่มแรงดันได้กว่า 2.2 บาร์ เพื่อเป็นพลังงาน ด้วยการควบคุมสัดส่วนแรงดัน ท่ออากาศคาร์บอนไฟเบอร์ที่เพิ่มขึ้นมีลักษณะหนาและแข็งแรงกว่าท่ออากาศทั่วไป ท่อไอเสียสั่งทำเป็นพิเศษจากไทเทเนียมฉลุลวดลายแบบ 3 มิติด้วยเลเซอร์และกรรมวิธีการขึ้นรูปโลหะทางวิศวกรรม โดย อาคาโพวิค (Akrapovic) มีเวสเกต (Wastegate) หรือตัวผ่อนไอเสียทำงานควบคู่กับระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบ ด้วยการระบายออกของไอเสียและท่อไอเสียที่ติดตั้งบริเวณด้านหลังของล้อคู่หน้า
เครื่องยนต์ทำงานด้วยพลังงานหมุนเวียนสำหรับน้ำมันที่มีค่าออกเทน 98RON โดยน้ำมันได้ผ่านกรรมวิธีผสมเข้ากับเชื้อเพลิงชีวภาพชนิดพิเศษที่คิดค้นมาโดยเฉพาะสำหรับการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญทางเทคโนโลยีสู่การใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างยั่งยืน พร้อมกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงถึง 85%
เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูงติดตั้งระบบระบายความร้อน โดยสำหรับในการแข่งขันไพค์สพีค ทีมวิศวกรได้พัฒนาระบบระบายความร้อนระบบที่ 2 ติดตั้งบริเวณด้านหลังตัวรถ ช่องระบายอากาศติดตั้งทดแทนหน้าต่างด้านหลัง และช่องอากาศผ่านหม้อน้ำตัวที่ 2 ซึ่งปล่อยควันเสียผ่านท่อภายในฝากระโปรงหลัง โดยระบบจะทำงานผ่านหม้อน้ำตัวที่ 2
ชุดเกียร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการแข่งขันของเบนท์ลีย์ โดยถูกออกแบบมาให้สามารถควบคุมแรงบิด โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางของเพลาขับหลังที่มีขนาดเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความทนทาน ชุดเกียร์ทำงานด้วยน้ำมันหล่อลื่นถูกคิดค้นมาเป็นพิเศษสำหรับรถแข่งโดย Mobil1 ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์
โครงรถถูกติดตั้งและปรับแต่งให้เข้ากับการแข่งขันในรายการไพค์สพีค โดยโครงรถด้านหน้าและด้านหลังช่วยลดการโคลงเคลงของตัวรถ โดยเพิ่มสมรรถนะในการเลี้ยวรถด้วยความเร็วต่ำ สปริงส์แบบนุ่มและเหล็กกันโคลงได้ถูกติดตั้งเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเคลื่อนที่และเพิ่มน้ำหนักในการเบรก เบรกติดตั้งระบบหล่อเย็น เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ในขณะแข่งขัน
การดัดแปลงระบบแอร์โรไดนามิคพิสูจน์ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของแรงกดกว่า 30% ในการทดสอบช่วงแรกในระดับน้ำทะเล ในขณะที่ยังคงรักษาสมดุลของแอร์โรไดนามิคบริเวณส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถ สปอยเลอร์ขนาดใหญ่ด้านหลังถูกติดตั้งได้อย่างลงตัวบริเวณส่วนท้ายของตัวรถด้านบนดิฟฟิวเซอร์ภายใต้กันชนท้ายของตัวรถรอบระบบส่งกำลัง สำหรับการรักษาสมดุลระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้ายของตัวรถนั้น อุปกรณ์ได้ถูกติดตั้งร่วมกับระบบแอร์โรไดนามิคบริเวณส่วนหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยชิ้นส่วนด้านหน้าสองชิ้น ขนาบข้างด้วยอีกสองชิ้นแยกกัน อุปกรณ์เหล่านี้ผลิตด้วยเส้นใยไนลอนคาร์บอนด้วยการพัฒนาจากต้นแบบและเทคนิคพิเศษจากโรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เมืองครูว์
เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ตกแต่งในลวดลายรถแข่ง ด้วยการผสมผสานของธีมเฉดสีดำและทอง โดย โรเจอร์ คลาร์ก มอเตอร์สปอร์ต (Roger Clark Motorsport) ประเทศอังกฤษ พร้อมกับกราฟิกรูปภูเขาไพค์สพีคอันโดดเด่น ซึ่งเป็นลวดลายเดียวกันบนอัครยนตรกรรม เบ็นเทก้า และ คอนติเนนทัล จีที
สุดยอดทีมงานกับความพร้อมในการชิงตำแหน่งแชมป์ 3 สมัย
การเข้าร่วมการแข่งขันในรายการไพค์สพีคของเบนท์ลีย์เพื่อการชิงตำแหน่งแชมป์ 3 สมัยนั้น เกิดจากความร่วมมือระหว่างลูกค้าของรถแข่ง คอนติเนนทัล จีที3 ในนามทีม “ฟาส์ต” ทีมที่ประสบความสำเร็จในการขับรถแข่งเบนท์ลีย์ชิงชัยมาแล้วทั่วประเทศ โดยทีมเทคนิคจากเบนท์ลีย์และทีมฟาส์ตได้ร่วมมือกันกับผู้เชี่ยวชาญจาก M-Sport ในเขตคัมเบรีย ประเทศอังกฤษ เพื่อดึงเอาที่สุดของสมรรถนะจาก เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ซึ่งจะใช้ทดสอบในโคโลราด่าโดยทีมงานชุดเดียวกัน
โปรแกรมการทดสอบแบบคู่ขนานสองโปรแกรมได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในขณะที่ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค เดินทางมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวรถได้ถูกนำไปทดสอบการพัฒนาการติดตั้งตัวโคลงรถผ่าน 2 การทดสอบ ณ วิลโลว์สปริงส์ แคลิฟอร์เนีย และการทดสอบบนระดับความสูงได้ดำเนินการที่ แอสเพน โคโลราโด่ โดยเป็นการทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์และการเทียบค่ามาตรฐาน ขณะเดียวกัน ทีม M-Sport ดำเนินการพัฒนาเครื่องยนต์ในสนามทดสอบ ด้วยการประเมินสมรรถนะของการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เบนท์ลีย์เลือกใช้สำหรับการแข่งขัน
การทำลายสถิติ เดอะ คอนติเนนทัล จีที3 ไพค์สพีค ต้องขับขึ้นที่ความสูงกว่า 5000 ฟุต ประกอบด้วย 156 โค้ง ด้วยความเร็วเฉลี่ยมากกว่า 78 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อที่จะเข้าเส้นชัยภายในเวลาที่น้อยกว่า 9 นาที 36 วินาที โดยมีอดีตผู้ชนะการแข่งขันไพค์สพีคติดต่อกัน 3 รายการ และราชาแห่งขุนเขา รีส มิลเล็น (Rhys Millen) กลับมาลงชิงชัยให้กับเบนท์ลีย์อีกครั้ง ซึ่งรีส มิลเล็น (Rhys Millen) ได้เคยทำสถิติการแข่งขันด้วยความเร็ว (Time Attack) กับอัครยนตรกรรมเอสยูวี เบ็นเทก้า เครื่องยนต์รุ่น W12 (Bentayga W12) ในปี พ.ศ. 2561 และ คอนติเนนทัล จีที ในปี พ.ศ. 2562 มาแล้ว