มาเซราติ และ ฮิโรชิ ฟูจิวาระ เจ้าพ่อวัฒนธรรมแบบสตรีทชาวญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกันเพื่อรังสรรค์โปรเจ็กต์ที่เปี่ยมด้วยความกล้าและบ้าบิ่น พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์ ในอาณาจักรที่สุนทรียะทางดนตรีถูกสอดแทรกไว้ในรถยนต์ เปิดตัวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ กรุงโตเกียว เปรียบเสมือนบทเพลงอันไพเราะที่บรรเลงโดยคู่ศิลปิน ‘Operanera’ และ ‘Operabianca’ 2 ยนตรกรรมที่มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น และเป็นเวอร์ชั่นพิเศษของ มาเซราติ กิบลี่
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-2.jpg)
ความร่วมมือนี้ เป็นผลจากความสำเร็จของโปรแกรม ‘Maserati Fuoriserie’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า ออกแบบ มาเซราติ ได้ตามความชอบและรสนิยมส่วนตัว ส่งผลให้รถยนต์ไม่เป็นเพียงแค่วัตถุ แต่เป็นเสมือนเสื้อผ้าสั่งตัดที่เจ้าของสามารถสวมใส่อย่างมั่นใจ สะท้อนตัวตนรวมถึงรสนิยมของผู้ครอบครอง และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราร่วมสมัย ฮิโรชิ ฟูจิวาระ เป็นผู้นำเทรนด์ที่โด่งดัง เปี่ยมด้วยอิสระในการสร้างสรรค์ และเป็นผู้บุกเบิกแฟชั่นเครื่องแต่งกายแนวสตรีท
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-3.jpg)
ในโตเกียวช่วงปี 1980 อีกทั้งยังเป็นดีเจคนแรกๆ ที่นำดนตรีฮิปฮอปมาสู่แดนอาทิตย์อุทัย และเคยร่วมงานกับหลายศิลปินชื่อดังในฐานะโปรดิวเซอร์และนักดนตรี
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-4.jpg)
ฮิโรชิ ฟูจิวาระ มีความเชี่ยวชาญในการสื่อถึงมุมมองต่างๆ ผ่านอารมณ์แบบคนเมือง พร้อมศักยภาพในการฟันฝ่าอุปสรรคด้วยความกล้า บ้าบิ่น เหมือนกับรถยนต์ มาเซราติ ภายใต้แนวคิดแบบ ‘ITANJI’ ในภาษาญี่ปุ่น หรือการผสมผสานระหว่างอิตาเลียนดีไซน์ และความสมบูรณ์แบบในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ ‘Operanera’ และ ‘Operabianca’
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-5.jpg)
สไตล์ของ มาเซราติ และบุคลิกของ ฟูจิวาระ ล้วนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การมาบรรจบกันระหว่างรูปลักษณ์ของ มาเซราติ และวัฒนธรรมแบบสตรีทของแบรนด์ ‘Fragment’ ก่อให้เกิดความร่วมมือในการรังสรรค์งานศิลป์ ที่สื่อถึงความหมายของ Maserati Meets Fragment ได้ดีที่สุด
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-6.jpg)
Operanera และ Operabianca คือ 2 ยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่เปรียบเสมือน ‘เพลงติดล้อ’
(A song on wheels) มาพร้อมตัวถังสีดำและขาวตามลำดับ ใช้พื้นฐานจากรุ่น กิบลี่ กรันลุซโซ่ (Ghibli GranLusso) ผลิตจำกัด 175 คันทั่วโลก ภายนอกตกแต่งตามสไตล์ของ ฟูจิวาระ ด้วยกระจังหน้าแบบพิเศษ พร้อมโลโก้ดีไซน์ใหม่ ติดตั้งบริเวณเสาซี พร้อมล้อแม็ก Urano สีดำด้านขอบ 20 นิ้ว มือจับประตูและล้อแม็กพ่นสีเดียวกับตัวถัง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียมและอัลคันทารา สอดแทรกด้วยตะเข็บแนวตั้งสีเงินบนเบาะ พร้อมโลโก้ตรีศูลบริเวณพนักพิงศีรษะสีเดียวกัน และใช้เข็มขัดนิรภัยสีน้ำเงินเข้ม
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-7.jpg)
ปิดท้ายด้วยการเพิ่มรหัส M157110519FRG บริเวณช่องลมด้านข้าง โดย 4 ตัวแรกเป็นรหัสตัวถังของ มาเซราติ กิบลี่ ขณะที่เลข 6 หลักถัดไป แสดงถึงวันที่มีการนัดพบกันครั้งแรก ระหว่าง ฮิโรชิ และ Centro Stile Maserati (5 พฤศจิกายน 2019) ส่วน 3 ตัวสุดท้าย คือ อักษรย่อของ Fragment
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-8.jpg)
นอกเหนือจากการเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ ก็มีการผลิตเครื่องแต่งกายคอลเล็กชั่นเฉพาะกิจ (capsule collection) ที่ผ่านการออกแบบร่วมกับ ฟูจิวาระ ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่เช่นเดียวกับตัวรถ
มาเซราติ เอส.พี.เอ.
มาเซราติ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์และบุคลิกโดดเด่น เพียงได้เห็นก็ทราบทันทีว่าเป็นมาเซราติ ซึ่งกำเนิดมาพร้อมสไตล์, เทคโนโลยี และคาแรคเตอร์พิเศษ ตรงใจผู้มีรสนิยมสุดพิถีพิถัน และเป็นเสมือนบรรทัดฐานในอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด รถทุกรุ่นสะท้อนตัวตนของยนตรกรรมอิตาเลียนออกมาได้อย่างชัดเจน ทั้งด้านการดีไซน์, สมรรถนะ, ความสะดวกสบาย, ความหรูหรา และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก นำโดยซีดานสุดหรู ควอตโตรปอร์เต้, สปอร์ตซีดาน กิบลี่ ที่เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันไฮบริด และเอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ เลอวานเต้
![](https://motoroops.com/wp-content/uploads/2021/06/Maserati-Meets-Fragment-Ghibli-Operanera-and-Ghibli-Operabianca-From-Hiroshi-Fujiwara-9.jpg)
ขุมพลังมีให้เลือกครบครัน ทั้งเบนซิน วี8 สูบ, วี6 สูบ, 4 สูบ ไฮบริด และดีเซล วี6 สูบ พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 หรือ 4 ล้อ นอกจากนี้ ยังมียนตรกรรมรุ่นพิเศษ ‘Trofeo Collection’ คือ ควอตโตรปอร์เต้, กิบลี่ และเลอวานเต้ ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 580 แรงม้า ตอกย้ำดีเอ็นเอแห่งความสปอร์ตของค่ายตรีศูล ปิดท้ายด้วย MC20 ซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ Nettuno ผสานเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลาวัน ปัจจุบันรถยนต์ มาเซราติ ผลิตขึ้นในโรงงาน 3 แห่ง โดยรุ่น ควอตโตรปอร์เต้ และ กิบลี่ ผลิตที่โรงงาน Avvocato Giovanni Agnelli Plant ที่เมืองตูริน, เลอวานเต้ ผลิตที่ Mirafiori Plant เมืองตูริน และ MC20 ผลิตที่โรงงาน Viale Ciro Menotti เมืองโมเดนา
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ มาเซราติ ประเทศไทยโชว์รูมสุขุมวิท 26 โทร.0-2663-2233 โชว์รูมสยามพารากอน โทร.0-2610-9441 / โชว์รูมไอคอนสยาม 0-2117-4666 / เว็บไซต์: http://Thailand.Maserati.com / เฟสบุ๊ค: Maserati Thailand / อินสตาแกรม: Maserati Thailand