31.8 C
Bangkok
Saturday, May 11, 2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
httpswww.motorshow.in.th
https://www.ford.co.th/showroom/all-offers/?gad_source=1&gclid=CjwKCAjw7-SvBhB6EiwAwYdCAUeXeLmbyKoh6AaDtpaMUHnzvZKmqjeUcdKuGl01jW2_5mnKKbrywBoCM2cQAvD_BwE&gclsrc=aw.ds
https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/finance/offers.html?gagcmid=GA_16621475037_153239610427_662308114214&gad_source=1&gclid=Cj0KCQjwir2xBhC_ARIsAMTXk857jTSdUXpkaXpWmnd52hYaIiSYB7ZK87GyAU_rQMaBpJNjvCX4NOoaAkfEEALw_wcB&gclsrc=aw.ds#contact
https://www.thaihonda.co.th/honda/
httpswww.motorshow.in.th
FORD900x192px_1
benz900x192px_1
previous arrow
next arrow

Range Rover Evoque Lafayette Edition ปลั๊กอินไฮบริด P300e

บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ Range Rover Evoque Lafayette Edition (เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค ลาฟาแยตต์ อิดิชั่น) ครั้งแรกในประเทศไทยกับรุ่นพิเศษแบบ Limited Edition ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย่านที่ทันสมัยในนิวยอร์กซิตี้ ราคาจำหน่าย 4,199,000 บาท พร้อม Land Rover Care นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

ปัจจุบันรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ประกอบด้วย

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid SE Plus ราคา 3,999,000 บาท

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid Lafayette Edition ราคา 4,199,000 บาท

Range Rover Evoque Plug-In Hybrid R-Dynamic SE Plus ราคา 4,499,000 บาท

Range Rover Evoque Lafayette Edition พัฒนามาจาก Range Rover Evoque S (เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค เอส) โดยรุ่นพิเศษนี้มีการออกแบบที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ภายนอกโดดเด่นด้วยหลังคาคอนทราสต์ สี Nolita Grey เสริมความสวยงามน่าดึงดูดด้วยล้อแบบ 5 ก้าน ขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมบุลายสไตล์ Diamond Cut เพิ่มความสนุกสนานด้วย Tread Plates แบบเรืองแสง เทคโนโลยีความบันเทิง Pivi Pro หน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว และหลังคา Fixed Panoramic Roof วางจำหน่ายในระบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-In Hybrid) P300e พร้อมตราสัญลักษณ์ท้ายรถ

Range Rover Evoque P300e เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มแบบ Premium Transverse Architecture อันล้ำสมัยของ Land Rover ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าในขณะที่ยังคงความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Land Rover มอบสมรรถนะที่ยั่งยืนด้วยการรวมเครื่องยนต์เบนซิน Ingenium แบบ 3 สูบ 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ขนาด 1.5 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า (80 กิโลวัตต์) ที่รวมอยู่ในเพลาท้ายและใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 15 กิโลวัตต์-ชั่วโมง อยู่ใต้เบาะหลัง

สมรรถนะและขีดความสามารถที่เหนือชั้นด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 6.4 วินาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ที่นุ่มนวลได้รับการคัดสรรเพื่อให้ทำงานควบคู่กับการส่งกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ 3 สูบ และทำงานร่วมกับ ERAD ได้อย่างราบรื่น มอบความสมบูรณ์แบบและความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์ที่ดี สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้ไกลถึง 55 กิโลเมตร* ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางเฉลี่ยต่อวันโดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าใหม่

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้จาก 3 โหมดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการมากที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือขับขี่บนทางหลวง

1.โหมดไฮบริด (โหมดการขับขี่ตามค่าเริ่มต้น) รวมกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินโดยอัตโนมัติ กลยุทธ์การทำงานปรับให้เข้ากับสภาพการขับขี่และประจุไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ การเข้าสู่จุดหมายปลายทางในระบบนำทางช่วยให้ฟังก์ชัน Predictive Energy Optimization (PEO) ผสานรวมเส้นทางและข้อมูล GPS อย่างชาญฉลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการเดินทางที่เลือก

2.โหมด EV (รถยนต์ไฟฟ้า) ช่วยให้รถทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยใช้พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อการเดินทางที่เงียบและไม่มีการปล่อยไอเสีย

3.โหมดประหยัด จัดลำดับความสำคัญของเครื่องยนต์สันดาปให้เป็นแหล่งพลังงานหลักโดยรักษาสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่เลือก

การชาร์จไฟฟ้าจาก 0-80% ใน 30 นาที เมื่อชาร์จไฟฟ้าจากสถานีชาร์จทั่วไปที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 32 กิโลวัตต์ หรือใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 24 นาที เมื่อใช้ตู้ชาร์จติดผนังที่ใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ 7 กิโลวัตต์**

*ตัวเลขระยะทางที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าคำนวณจากการทดสอบที่ดีที่สุดตามกระบวนการ WLTP ของผู้ผลิตอย่างเป็นทางการตามกฎหมายของสหภาพยุโรป เพื่อการเปรียบเทียบเท่านั้น ตัวเลขความเป็นจริงอาจแตกต่างกัน

**สามารถชาร์จได้ด้วยเครื่องชาร์จแบบเร็วที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 50 กิโลวัตต์ และ 100 กิโลวัตต์ (ประจุไฟฟ้าจริงที่เข้ารถจะจำกัดอยู่ที่ 32 กิโลวัตต์)  เวลาในการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมและการติดตั้งเครื่องชาร์จ

Related Articles

[td_block_social_counter facebook="tagdiv" twitter="tagdivofficial" youtube="tagdiv" style="style8 td-social-boxed td-social-font-icons" tdc_css="eyJhbGwiOnsibWFyZ2luLWJvdHRvbSI6IjM4IiwiZGlzcGxheSI6IiJ9LCJwb3J0cmFpdCI6eyJtYXJnaW4tYm90dG9tIjoiMzAiLCJkaXNwbGF5IjoiIn0sInBvcnRyYWl0X21heF93aWR0aCI6MTAxOCwicG9ydHJhaXRfbWluX3dpZHRoIjo3Njh9" custom_title="Stay Connected" block_template_id="td_block_template_8" f_header_font_family="712" f_header_font_transform="uppercase" f_header_font_weight="500" f_header_font_size="17" border_color="#dd3333"]
- Advertisement -spot_img

Latest Articles